Monday, December 29, 2014

คำพูดสำคัญเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูก

คำพูดนี่สำคัญมกาๆนะคะ เหล่านี้เป็นคำพูดที่ยอดเยี่ยมมากที่เราจะพูดกับลูกเสมอๆเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูก 
  
       1. ลูกเป็นที่รัก
       2. พ่อแม่คิดถึงหนูทั้งวัน
       3. โลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะเมื่อมีลูกอยู่ด้วยนะ
       4. พ่อแม่จะทำดีที่สุดที่จะทำให้ลูกปลอดภัย
       5. ถึงพ่อแม่จะพูดว่าไม่แต่พ่อแม่ก็ยังคงรักลูกไม่เปลี่ยนแปลง
       6. พ่อแม่ว่าลูกทำได้
       7. พ่อแม่ว่าลูกจะจัดการกับปัญหานี้ได้
       8. ลูกเป็นเด็กสร้างสรรค์
       9. ไว้ใจสัญชาตญาณที่ลูกมีนะ
       10. ความคิดนี้ของลูกแจ๋วจริงๆ
       11. สิ่งที่ลูกทำ มันดูยิ่งใหญ่มาก
       12. จินตนาการของลูกน่าทึ่งจริงๆ
       13. หนูควบคุมอารมณ์ได้ดี
       14. หนูทำตัวเหนืออารมณ์ได้ดี
       15. ลูกเป็นเพื่อนที่ดี
       16. ลูกใจดีจริงๆ
       17. ลูกไม่ต้องทำเหมือนเพื่อนคนอื่นเสมอไปนะ (หากเพื่อนเริ่มไม่เคารพกติกา)
       18. การที่เพื่อนคนอื่นมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแต่ไม่ใช่ข้ออ้างที่ลูกจะทำตาม
       19. ลูกไม่สมบูรณ์แบบ (แต่พ่อแม่ก็รักลูกเสมอ)
       20. พ่อแม่ก็ไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบเช่นกัน
       21. ลูกสามารถเปลี่ยนใจได้
       22. เราสามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของเรา
       23. เราสามารถขอความช่วยเหลือได้
       24. คนเราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
       25. ลูกกำลังเติบโต
       26. พ่อแม่เชื่อลูก
       27. พ่อแม่มีความเชื่อว่าลูกทำได้
       28. ลูกหล่อ/สวย
       29. ลูกเป็นคนน่าสนใจ
       30. เมื่อลูกทำผิดแต่ลูกก็ยังเป็นที่รักของพ่อและแม่
       31. เรามีหน้าที่รับผิดชอบต่อร่างกายของเรา
       32. ลูกเป็นคนสำคัญ
       33. ความคิดเป็นสิ่งสำคัญ
       34. พ่อแม่เห็นลูกเรียนรู้ทุกๆวัน
       35. ลูกทำให้ชีวิตของพ่อแม่แตกต่างไปจากเดิม
       36. ลูกทำให้แม่มีความคิดใหม่ๆที่แตกต่างไปจากเดิม
       37. มันน่าตื่นเต้นจริงๆในสิ่งที่ลูกกำลังจะทำ
       38. ขอบใจนะที่ช่วยแม่
       39. พ่อแม่ดีใจที่ลูกมาด้วย
       40. สนุกจังเลยเมื่อมีลูกอยู่ด้วย
       41. พ่อแม่ดีใจที่ได้คุยกับลูก
       42. พ่อแม่พร้อมที่จะฟังลูกเสมอ
       43. พ่อแม่กำลังฟังลูกอยู่นะ
       44. พ่อแม่ดีใจที่มีลูกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
       45. พ่อแม่ภูมิใจในลูกเสมอ
       46. ลูกทำให้พ่อแม่ยิ้มได้
       47. ลูกทำให้พ่อแม่หัวเราะเสมอ
       48. พ่อแม่ขอโทษที่ทำผิดกับลูก
       49. มีรหัสลับส่วนตัวที่รู้กันในครอบครัว เช่น ถ้ากระพริบตา 3 ครั้ง หมายความว่า “ ฉันรักเธอ”
       50. เวลาพูดกับลูกให้มองตาลูกด้วย และจงพูดกับลูกในระดับสายตา
       51. พูดว่าเรามีเรา
       52. พ่อแม่รักลูกเสมอและตลอดไป
       
       การจูบ หอมและกอดลูก
       53. หอมลูกทุกวัน
       54. หอมและกอดลูกแน่นๆ
       55. กอดกันกลม
       56. กอดแน่นๆ
       57. พ่อกับแม่กอดกันมโดยให้ลูกอยู่ตรงกลาง
       58. กอดลูกกับต้นไม้ พร้อมๆกัน
       59. หอมแบบเอสกิโมโดยใช้จมูกชนกัน
       60. หอมแบบผีเสื้อ โดยใช้ขนตากระพริบที่แก้มไปมา
       61. หอมที่พุงแล้วเป่าลม
       62. หอมที่มือลูก
       63. หอมตรงหัวใจของลูก
       64. หอมและกอดลูกทุกคืนและหลายๆครั้ง และถามว่าเต็มหรือยัง อย่าให้ลูกนอนหลับในเวลากลางคืนด้วยถังอารมณ์ที่ไม่เต็ม
       65. เล่นเกมส่งจูบให้ลูกกลางอากาศ แล้วให้ลูกจับ
       66. เอาตุ๊กตาตัวโปรดของลูกตั้งไว้ที่ประตู คอยต้อนรับการกลับบ้าน
       67. เขียนรูปหัวใจที่ฝ่ามือลูก
       68. เขียนข้อความสั้นๆเสริมกำลังใจ เช่น หนูเก่งมากที่ท่องศัพท์ได้ ติดที่ฝาผนัง ที่ห้องน้ำ ที่เตียงนอน ที่ตู้เย็น
       69. ให้ลูกนอนใต้ผ้าห่มแล้วเล่นจั๊กจี้
       70. ซ่อนของเล็กๆไว้บนต้นไม้ แล้วปีนต้นไม้ไปหากับลูก


# ขอบคุณ 70 วิธีที่สร้างแรงบันดาลให้กับลูกไปจนตาย/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

ชีวิตทำงาน

นั่งมองดูตัวเองย้อนกลับไป ทำไมไม่เชื่อผู้ใหญ่ที่แนะนำในอดีตให้ทำงานเก็บเงินแล้วหลังจากนั้นให้ออกไปค้นหาชีวิต อย่าทำงานเพื่อเงินอย่างเดียวแต่จงทำงานเพื่อหาประสบการณ์และเพื่อพัฒนาตัวเอง  จริงนะ ก่อนหน้านี้ทำงานไปเรื่อยๆไม่เคยคิดพัฒนาตัวเองเลย คุณค่าของตัวเราอยู่ที่ไหนกันนะ ทำไมเราต้องทำงานแบบนี้อยู่ เราต้องได้ดีกว่านี้สิ เหล่านี้เป็นคำบ่นที่คิดว่าหลายๆคนก้อคิดเหมือนกัน ยังคะยังไม่สายที่จะพัฒนาตัวเองและก้าวออกไปในชีวิตจริงที่งานประจำไม่ตอบโจทย์อีกแล้ว ต้องทำอย่างอื่น ต้องก้าวออกไปค้นหาชีวิตที่แท้จริง อย่าเอาเวลา 8 ชั่วโมงต่อวันมานั่งทำงาน เรายังสามารถทำอะไรได้อีกเยอะมากกว่านี้ จะรออยู่ใย งั้ันก้อทำเลย 

Friday, December 26, 2014

ดูแลหัวใจกันเถอะ

โรคหัวใจเป็นโรคยอดฮิตเสียแล้วกับยุคสมัยนี้ที่อาหารการกิน ความเครียด เข้ามีเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนเป็นโรคหัวใจกันเยอะ โคคิวเท็น จากสารอาหารเพื่อสุขภาพ ช่วยดูแลหัวใจและป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจ ดีมากๆเลย ขอแนะนำ


Thursday, December 25, 2014

ดอกหญ้า

ดอกไม้ไม่ว่าจะเป็นดอกหญ้าที่ขึ้นบนพื้นดินหรือดอกกล้วยไม้ที่ปลูกในกระถางสวยงาม ย่อมมีคุณค่าไม่ต่างกัน เช่นเดียวคนเรา ไม่ว่าจะยากดีมีจนยังงัยก้อเป็นคน ที่มีความคุณค่าและความดีงามกันอยู่ทุกคน


Thursday, December 18, 2014

ขำขำ คลายเครียด


น้ำอัดลม


เจอมาแล้วเห็นว่ามีประโยชน์เลยเอามาแปะไว้เตือนใจ ก่อนจะดื่มน้ำอัดลมจะได้คิดสักนิด :)

Monday, December 1, 2014

เคล็ดลับการตั้งเป้าหมายของเศรษฐี

เคล็ดลับของเศรษฐี

เจ้า ของ Virgin Group บอกไว้ว่า เคล็ดลับของเขาคือการตั้งเป้าหมายไว้หลายๆ อัน แม้มันจะดูเป็นไปได้ยาก แต่ให้ตั้งไว้ก่อน แล้วตั้งใจไปให้ถึงให้ได้!

Saturday, November 29, 2014

ข้อคิดจากหนังสือ "กินกบตัวนั้นซะ"

จงเริ่มต้นคิด แล้วความคิดจะลื่นไหล
จงลงมือทำ แล้วงานนั้นจะเสร็จลุล่วง


Friday, November 28, 2014

ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็ก

เด็ก คำนี้ดีนะคะ ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องกังวลอะไร อยากทำอะไรก้อทำ อยากพูดอะไรก้อพูด มีแต่ผู้ใหญ่นี่แหละที่คอยห้ามไม่ให้เด็กทำโน้นทำนี่ มีกรอบให้เด็กตลอดเวลา ผู้ใหญ่อย่างเราบางครั้งลองให้ตัวเองได้อยู่ในพื้นที่ของความเป็นเด็กดูบ้าง ชีวิตจะมีความสุขอีกเยอะเลย ชอบเพลงนี้จังเลยขอคัดลอกมาเก็บเอาไว้ในบล๊อกคะ

เพลง : พื้นที่เล็กๆ
ศิลปิน : ตรัย ภูมิรัตน์

จะต้องถอนใจ อีกสักเท่าไร
โลกแห่งความเป็นจริง ไม่เคยเป็นอย่างใจ
วันและคืนเปลี่ยนหมุน ให้เราวิ่งตามเรื่อยไป
โตแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไป
การเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ง่ายเลย
มันไม่คุ้นไม่เคย ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ
ไม่มีเวลาเหลือ ไว้ฟังไว้คิดถึงใคร
โตแล้ว ต้องทำอย่างไร
เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ
จนตัวเราเองอาจหล่นหาย
เมื่อเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในใจ เขาไปไหน
ทำไมวันนี้เขาหายไปจากเรา
ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม
ในวันนึงเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า
ให้ความสดใส ยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยาก ขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ
ให้เรายังได้ฝัน ให้เรายังยิ้มได้
โลกแห่งความจริง มันจะดีหรือร้าย
เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ เอาไว้
ตรงขอบฟ้านั้น มีรุ้งพาดผ่าน
เมื่อความจริงความฝันได้มาบรรจบกัน
ที่ดินแดนแห่งนั้น เด็กน้อยคนหนึ่งกับฉัน
จูงมือเดินไปด้วยกัน
เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ
จนลืมว่าเราเคยเป็นใคร
อย่าลืมเด็กน้อย ทิ้งปล่อยเขาคอยอยู่เดียวดาย
ได้ยินใช่ไหมเสียงนั้นที่เรียกเรา
ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม
ในวันนึงเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า
ให้ความสดใส ยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยาก ขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ
ให้เรายังได้ฝัน ให้เรายังยิ้มได้
โลกแห่งความจริง มันจะดีหรือร้าย
เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ จะอยู่กับฉันตลอดไป
(ขอพื้นที่เล็กๆ ขอพื้นที่เล็กๆ ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ใจยังเป็นเด็ก)
อยู่กับฉันตลอด ไม่ให้ใครแย่งไป
(ขอพื้นที่เล็กๆ ขอพื้นที่เล็กๆ ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ใจยังเป็นเด็ก)


Thursday, November 27, 2014

งาน

งานที่คุณทำอยู่เป็นงานที่แก้ปัญหาให้คนอื่นหรือเปล่า ถ้าใช่คุณมาถูกทางแล้วคะ

Wednesday, November 26, 2014

โอกาส

เคยสงสัยมั้ยคะว่า "โอกาส" คืออะไร ทำไมมาแล้วก้อไป ถ้าไม่รีบคว้าไว้ก้อจะจากเราไป ชอบที่หลายๆคนมีคำเปรียบเปรยคำว่า "โอกาส" เช่น เหมือนไอติม ไม่รีบกินก้อละลาย และอีกหนึ่งคำเปรียบเปรยที่ชอบมากเช่น โอกาสเหมือนตอนเช้า อยู่ได้ไม่นานก้อสาย 


Tuesday, November 25, 2014

รู้ไว้สักนิดก่อนสั่งกาแฟ

บล๊อกนี้จริงๆแล้วเพื่อตัวเองโดยเฉพาะ เพราะตัวเองเป็นคนไม่กินกาแฟแต่ตอนนี้นึกอยากกินกาแฟขึ้นมาเลยต้องหาความรู้เพื่อจะได้กาแฟที่ตัวเองทานได้จริงๆ ชื่อเรียกและส่วนผสมแตกต่างกันไปตามนี้เลยคะ

1. เอสเปรสโซ่ (Espresso) ประกอบด้วยน้ำกาแฟเข้มข้นแก้วเล็ก 1 ช๊อต (Espresso Shot) โดยไม่เติมน้ำตาล และ นม ดื่มทันทีเพื่อให้ได้รสชาติที่ดี

2. อเมริกาโน (Americano) ประกอบด้วยช๊อตเอสเปรสโซ่ผสมน้ำ จะเป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็น แล้วแต่ว่าจะเลือกสั่ง อาจจะเติมนม หรือ น้ำตาล แล้วแต่ชอบ 

3. ลาเต้ (Latte) ประกอบด้วยช๊อตเอสเปรสโซ่ผสมนม และ ฟองนม ซึ่งจะเป็นนมร้อนหรือนมเย็นแล้วแต่ความชอบ รสชาติที่ได้จะเป็นกาแฟที่ผสมนมแล้ว

4. คาปูชิโน่ (Cappuccino) ประกอบด้วยช๊อตเอสเปรสโซ่ผสมนม และ ฟองนม คล้ายๆกับลาเต้ แต่คาปูชิโน่รสชาติกาแฟจะเข้มข้นกว่า มีฟองนมมากกว่า และปริมาณนมน้อยกว่า อาจจะเหยาะผงอบเชย (Cinnamon) หรือผงลูกจันเทศ (Nutmeg) หรือผงช็อคโกแลต ลงบนผิวหน้าฟองนมก่อนดื่ม 

5. มอคค่า (Mocha) ประกอบด้วย ช็อตเอสเพรสโซผสมกับนม และน้ำเชื่อมช็อคโกแลต อาจจะปิดหน้าด้วยวิปครีม เหมาะกับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟที่มีความหอม หวานมันของช็อคโกแลตผสมอยู่ด้วย 

คราวนี้ก้อสามารถสั่งกาแฟในแบบที่ตัวเองทานได้แล้ว :)


ขอบคุณความรู้จาก fusionpeach 

Monday, November 24, 2014

มาฝึกสมองให้เฉียบแหลมกันดีกว่า

ฝึกสมองให้ไบรท์ เป็นข้อแนะนำดีๆ ลองทำกันดูนะคะ

1. จิบน้ำบ่อยๆ
2. กินไขมันดี จำพวก น้ำมันปลา เช่น ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม เป็นต้น
3. ทำจิตใจให้สงบอยู่กับตัวเองสักประมาณ 12 นาที หรือ นั่งสมาธิ เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์
4. ใส่ความตั้งใจในส่ิงที่ทำ
5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
8. เขียนบันทึก ฝึกเขียนของคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงในสมุดบันทึก
9. ฝึกหายใจลึกๆ เพื่อให้อ๊อกซิเจนเข้าร่างกายได้มากขึ้น เช่น หากนั่งทำงานนานๆอาจหาเวลายืนหรือเดินเพื่อยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาอ๊อกซิเจนเข้าปอดได้มากขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์





Wednesday, November 19, 2014

ตอนนี้คุณอยู่ฝั่งไหนของเงินสี่ด้าน

วันนี้ขอเอารูปภาพเงินสี่ด้านจากหนังสือพ่อรวยสอนลูกมาให้ดูกันอีกครั้ง รูปสามารถอธิบายอะไรได้เข้าใจง่ายกว่าคำพูดนับร้อยๆคำ ว่าแต่ตอนนี้เรารู้หรือหรือเปล่าว่าเราอยู่ฝั่งไหนของเงินสี่ด้าน แล้วเราอยากทำงานไปอีกนานแค่ไหน อยากมีรายได้แบบ Passive หรือเปล่า


Tuesday, November 18, 2014

การมองโลกในแง่ดี

วันนี้คุณหาแง่ดีในสิ่งที่พบเจอได้หรือเปล่า

เคยอ่านเจอในหลายๆบทความ หลายๆหน้าเฟสของหลายๆท่าน ที่มีวิธีการมองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ที่เจอ ให้เป็นไปในแง่ดี ว่าสิ่งที่เราเจอไปนั้นให้อะไรเราในแง่ดีบ้าง แค่นี้ทำก็ทำให้เรามองโลกในแง่ดีๆได้ในทุกการกระทำ หรือทุกสิ่งที่เจอ สำหรับตัวเราเมื่อทำอะไรไปแล้วได้ค้นพบแง่ดีทำให้เรามีกำลังใจทำต่อไป และสำหรับสิ่งต่างๆที่เจอหากเราสามารถหาสิ่งดีๆที่เจอได้ทำให้เรารู้สึกดีกับสิ่งนั้น ความรู้สึกไม่ดี โมโห ขุ่นเคืองก็จะหายไป ลองมองหามุมมองดีๆในทุกสิ่งที่เจอที่ทำให้เจอนะคะ ชีิวิตเราจะเปลี่ยนไปได้เยอะมากทีเดียว ว่าแล้ววันนี้ได้เขียนบล๊อกรู้สึกดีมากๆเลย วันนี้เขียนได้ลื่นไหลไม่ติดขัดเลย เย้ เย้


Sunday, November 16, 2014

นานแค่ไหนแล้ว

เคยคิดหรือเปล่าว่าทุกวันนี้เรามักจะทำอะไรตามๆกัน เมื่อคิดจะทำอะไรใหม่ๆที่แตกต่างก็กลัวว่าจะไม่เหมือนคนอื่น จริงๆแล้วไม่เสมอไป บางอย่างที่ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนแล้วไม่เหมือนใคร อาจเป็นสิ่งที่ดี ไม่จำเป็นต้องเหมือนใครเสมอไป หากสิ่งนั้นที่ทำ ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ผิดกฎหมาย และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทำไปเลย ไม่ต้องรอช้า

Wednesday, November 12, 2014

ดีมากๆอยากแบ่งปัน

ลองอ่านดูคะ บอกได้เลยว่าดีมาก

1. อะไรก็ตามถ้าได้มาแล้ว รู้จักรักษา
เชื่อว่าสิ่งนั้นๆจะอยู่กับเราได้นานเสมอ

2. "คนเก็บขยะ" คือ คนที่เสียสละเอาตัวเข้าไปแลก
กับของเหม็นเน่าเพื่อเอาไปทิ้ง โลกนี้น่าอยู่ก็เพราะพวกเขานะ

3. ถ้ายังไม่ปล่อยมือจากอดีต แล้วจะเอามือไหนไป คว้าอนาคต

4. อย่าใช้เวลาทั้งชีวิต หาเงิน
จงใช้เวลาส่วนหนึ่งของชีวิตหาเงิน เพื่อใช้ตลอดชีวิต

5. จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่น อิจฉา

6. บางครั้งสิ่งที่เราเห็น อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด
ฉะนั้นอย่าตัดสินคนอื่นจาก ความรู้สึกส่วนตัว

7. ถ้าคุณตกหลุมรักคนสองคนในเวลาเดียวกัน จงเลือกคนที่ 2
เพราะถ้าคุณรักคนแรกจริงๆ คุณจะไม่มีคนที่สอง อย่างแน่นอน

8. อย่าตกเป็นทาสของ กฏเกณฑ์ นั่นคือ
การใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น
อย่าปล่อยให้เสียงของคนอื่นดังกลบเสียงหัวใจของเราเอง

9. คนที่มีความคิดเป็น เถ้าแก่ จบ ป.4 ก็เป็นเถ้าแก่ได้
คนที่จบปริญญาโท แต่คิดจะเป็นลูกจ้าง มันก็คือลูกจ้างทั้งชีวิต

10. สติ..ทำให้เรื่องใหญ่ๆ กลายเป็นเรื่องเล็ก
อคติ..ทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่

11. ความสุขแม้จะอยู่กับเราได้ไม่นาน
แต่ความทรงจำที่ดี จะอยู่กับเราตลอดไป

12. ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้ใครชมว่า ดี
แค่รู้ว่า จิตสำนึก ที่เรามีมันดีก็พอแล้ว

13. หากพอมีกำลังอย่าไปหวังพึ่งใคร
ต่อหน้านั้นคือน้ำใจ ลับหลังไปคือหนี้บุญคุณ
14. ร้องไห้เอาชนะใจคนได้บางคน
แต่ยิ้มแย้มเอาชนะใจคนได้เกือบทั้งโลก

15. คุณอาจจะต้องทำความรู้จักกับ
คนนับร้อยกว่าจะได้พบ เพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน

16. อยู่ต่ำให้มองสูง อยู่สูงให้มองต่ำ

17. หนามแหลมคมไม่ต้องเสี้ยม
คนแหลมคมไม่ต้องสอน

18. ไม่พูดไม่ได้แปลว่าไม่รู้
เงียบไม่ได้แปลว่า โง่ แต่ฉลาดพอที่จะนิ่ง

19. ถ้าเราวิ่งหนีปัญหาไม่พ้น ก็ลองวิ่งชนมันดูสักครั้ง

20. คนเราไม่วางแผนที่ ยาวไกล
ความทุกข์จะเกิดขึ้น ในไม่ช้า

21. อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่ และอย่าแคร์สายตาใคร
ตราบใดที่เรายังหายใจด้วยจมูกของเราเอง

22. คนอื่นไม่ให้โอกาสเรา ยังไม่น่าเศร้าเท่ากับ
เราไม่ให้โอกาสตัวเอง

23. กระจก..ไม่เคยดูถูกใคร มีแต่คนที่ไม่มั่นใจ ที่ดูถูกตัวเอง

24. คนฉลาดไม่ใช่ผู้ที่ ชนะการโต้แย้ง
แต่คนฉลาดคือผู้ที่ออกห่างจากการโต้แย้ง ตั้งแต่เริ่มต้น

25. คนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า คือ คนที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
ไม่ใช่เพราะได้ทำ ในสิ่งที่คนอื่นอยากให้ทำ

26. อย่าเป็นคนเก่งที่แล้งน้ำใจ
แต่จงเป็นคนธรรมดาทั่วไป ที่มีน้ำใจและไม่เห็นแก่ตัว

27. มองปัญหาให้เหมือนกับ เม็ดทราย
ถึงจะเยอะมากมายแต่เม็ดทรายก็เล็กนิดเดียว

28. ไม่มีใครดีเลิศหรือ เพอร์เฟค หรอก
เพราะขนาดดินสอยังต้องมียางลบ

29. ใครจะดูถูกเราก็ปล่อยให้เค้าดูถูกไป
แต่จงท่องให้ขึ้นใจว่า เราจะไม่ดูถูกตัวเอง. ..

ขอให้ได้นำไปใช้ในการดำเนินชีวิต นะคะ

คัดลอกมาจาก อ่านวันละนิด จิตแจ่มใส่ โดย ลาลาโต_tho99

คบกันด้วยอะไรยั่งยืนที่สุด

คบกันด้วยผลประโยชน์ ผลประโยชน์ไม่มีก็เลิกคบ
คบกันด้วยบารมี บารมีหมดก็ล้มเลิก
คบกันด้วยอำนาจ อำนาจหมดก็ทิ้ง
คบกันด้วยความพิศวาส ความพิศวาสหมดไปก็เจ็บปวด
มีเพียงคบกันด้วยใจ ถึงจะเป็นอมตะ
ทนุถนอมคนมีบุญวาสนากับเรา
ทนุถนอมเวลา คิดแต่สิ่งดี
รู้บุญคุณคน ให้ความจริงใจ คบกันด้วยใจ
มิตรภาพกัลปาวสาน

ปาฐกถาโดย ประธานาธิบดี สีจิ้งผิง ครั้งเมื่อเยือนเกาหลีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

Tuesday, November 11, 2014

ใกล้วแล้วรำคาญ ห่างแล้วคิดถึง

ฝากไวให้คิด (รวมถึงตัวเองด้วยแหละ)

เวลาอยู่ใกล้ๆกันแล้วรำคาญ แต่เวลาห่างกันหละคิดถึง
แล้วพูดกับตัวเองว่า กลับไปจะไม่ทำแบบนั้น แบบนี้ ที่ทำให้เค้าเสียใจอีก
แต่พอกลับไปเจอกัน เหมือนเดิม แทบทำแบบที่เคยพูดกับตัวเองไม่ได้สักที


Friday, November 7, 2014

เป้าหมาย

เป้าหมาย รู้หรือมั้ยว่ามันสำคัญ อยากให้เป้าหมายอยู่กับเราไปนานๆและตลอด เขียนมันลงบนกระดาษ เขียนมันลงไปให้หมด แล้วหยิบขึ้นมาดูบ่อยๆนะคะ คนส่วในใหญ่ไม่ชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร และนี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ไปไหนสักที


Thursday, November 6, 2014

การเลี้ยงลูก

เคยคิดมั้ยคะว่าทำไมสมัยนี้พ่อแม่ทำไมถึงวางแผนโน้นนี่นั่นให้ลูกมากมาย วางแผนกันตั้งแต่ท้องกันเลยทีเดียวว่าจะเอาอะไรใส่สมองของลูก วันนี้มีบทความของคุณ Tadashi Matsui ผู้ก่อตั้ง สำนักพิมพ์ Fukuinakan Shoten มาให้พิจารณากันคะ

"พ่อแม่สมัยนี้สนใจการพัฒนาสติปัญญาของลูก มากจนเกินไป อยากให้ลูกโตเร็วและฉลาดหลักแหลม วางแผนตั้งแต่ก่อนคลอดแล้วว่าจะเอาอะไรใส่สมองของลูก เห็นลูกเป็นเป้าหมาย การสอนวิชาการมากกว่าการเลี้ยงดูให้ลูก มีความสุข รู้จักคุณค่าของชีวิต เข้าใจผิดคิดว่า การเลี้ยงดูคือการสั่งสอน ซึ่งส่งผลใหญ่หลวง แรงผลักดันของพ่อแม่แบบนี้ ทำให้เด็กปิดประตูใจและต้องอดทนต่อแรงผลักดันนี้เรื่อยๆ บวกกับแรงผลักดันจากโรงเรียนซึ่งเร่งสอนเด็ก ทำให้เด็กเติบโตอย่างบิดเบี้ยว ซึ่งผลจะปรากฏเมื่อเด็กกลายเป็นวัยรุ่นที่ไม่ฟังเสียงพ่อแม่และครูอีกต่อไป และพอถึงตอนนั้น ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบและทนทุกข์ทรมานร่วมกับลูกคือ พ่อแม่เท่านั้น"

Tadashi Matsui, ผู้ก่อตั้ง สนพ. Fukuinkan Shoten เจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือดีจำนวนมาก



Wednesday, November 5, 2014

2 ไม่

วันนี้อ่านเจอกับคำว่า 2 ไม่ที่คนคนนึงมี คือ 
1. ไม่ คือ ไม่มีขา
2. ไม่ คือ ไม่มีคำว่า ทำไม่ได้

ขอนุญาตแชร์ต่อเพื่อเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆคะ

...นักยิมนาสติกผู้เป็นแรงบันดาลใจคนนี้เธอมีนามว่า เจนนิเฟอร์
บริคเกอร์ นักยิมนาสติกเจ้าของรางวัลมากมาย เธอเกิดมามีชีวิตด้วยคำว่า “ไม่” สองคำ
“ไม่”คำแรกที่เธอรับรู้ก็คือเธอไม่มีขาแต่กำเนิด
ส่วน”ไม่”คำที่สอง พ่อแม่บุญธรรมของเธอ ชารอนและเจอรัลด์ ผู้เลี้ยงเธอหลังจากพ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งเธอไปคือ พวกเขาไม่อนุญาตให้เธอพูดคำว่า “หนูทำไม่ได้”

และ”ไม่”คำหลังนี้เอง ได้กลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ผลักดันให้ชีวิตเธอประสบความสำเร็จและกลายเป็นคนมีความสุขจนเผื่อแผ่มาถึงคนอื่นๆ
cr. เพจ ประภาส ชลสรานนท์


Tuesday, November 4, 2014

ไม่อยากแก่เกินวัยต้องดูแลตับ

คุณอยากแก่หรือเปล่า เป็นคำถามคลาสสิค คิดว่าคนส่วนใหญ่คงตอบว่าไม่อยากแก่ มีเคล็ดลับในการดูแลไม่ให้แก่เกินวัย นอกเหนือจากไม่แก่เกินวันแล้วยังทำให้สุขภาพโดยรวมดีด้วย นั่นก้อคือ ไม่ทำร้ายตับ โดยไม่ปล่อยให้ร่างกายอ้วนเกินไป และสิ่งที่ควรระวังคือ สารเคมีต่างๆที่มาพร้อมอาหาร ยาเคมี

Tuesday, October 28, 2014

8 กลยุทธ์สอนลูกให้ฉลาดรอบด้าน

 8 กลยุทธ์สอนลูกให้ฉลาดรอบด้าน 

เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อแม่ที่อยากเห็นลูกเติบโตเป็นเด็กฉลาด และอารมณ์ดี แต่คงต้องยอมรับด้วยว่า ในโลกใบนี้ไม่ได้ต้องการแค่คนที่เก่งด้านภาษา และคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่ยังต้องการคนที่ฉลาดในด้านอื่น ๆ เพื่อสร้างโลกให้สวยงามด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พญ.นลินี เชื้อวณิชชากร กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ความรู้ผ่านหัวข้อ "พหุปัญญา 8 วิธีสร้างลูกฉลาดรอบด้าน และโภชนาการในช่วงแรกของชีวิต" ในงานแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส (ประเทศไทย) ว่า พ่อแม่ และครูควรค้นหาจุดเด่นของเด็กว่ามีความฉลาดทางด้านใดบ้าง แทนการยึดถือตามความเชื่อเดิม ๆ ที่นิยามว่า เด็กเก่ง คือ เด็กที่มีความฉลาดเพียงบางด้าน เช่น ด้านคณิคศาสตร์ ด้านภาษา

สอดรับกับทฤษฎีพหุปัญญาของดร.โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่บ่งชี้ว่าเด็กแต่ละคนมีความสามารถต่างกันในแต่ละด้าน หากพ่อแม่ และครูค้นพบจุดเด่นของเด็กก็จะช่วยส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจและอดทนที่จะสอนเด็กให้เหมาะกับสไตล์การเรียนรู้ของพวกเขา ถึงแม้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เด็กควรได้รับการดูแลในรูปแบบที่แตกต่างกันตามจุดเด่นในแต่ละด้านดังต่อไปนี้

1. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านภาษา

เด็กกลุ่มนี้จะมีความเข้าใจคำศัพท์และใช้ภาษาได้เป็นอย่างดี ใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย เรียนรู้ไวยากรณ์ได้อย่างรวดเร็ว และนำไปใช้ได้ดี นอกจากนี้ พวกเขาชอบสนุกกับการต่อคำศัพท์ และเกมอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ในขณะเดียวกันก็ชื่นชอบโคลงกลอน เพลง และนิทานด้วย

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควรให้เด็กเข้าถึงแหล่งความรู้ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น หนังสือ สารานุกรม หรือเว็บไซต์ หาเวลาอ่านหนังสือร่วมกันกับเด็ก และกระตุ้นให้เด็กถามคำถามทันทีที่สงสัย จากนั้นหาโอกาสให้เด็กนำเรื่องราวที่พวกเขาเคยอ่าน หรือฟังมาแล้วนำกลับมาเล่าใหม่ โดยให้พวกเขาแสดงเป็นตัวละครต่าง ๆ ในเรื่อง และคิดบทพูดให้เข้ากับสถานการณ์

2. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านคณิตศาสตร์และตรรกะ

เด็กกลุ่มนี้จะมีความเข้าใจเรื่องตัวเลขได้รวดเร็ว เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลได้ดี มีทักษะในการแก้ปัญหา และถ้าเผชิญสถานการณ์ที่ซับซ้อน เด็กสามารถแยกแยะจัดลำดับ และเข้าใจรูปแบบของสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้น เด็กกลุ่มนี้มักจะชอบเล่นเกมที่ต้องแก้ปัญหาทุกชนิด

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควรให้เด็กลองคิดหาเหตุผลเบื้องหลังสิ่งต่าง ๆ เช่น เกมปริศนาที่เกี่ยวกับตัวเลข มีการถามคำถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กใช้ความคิดอย่างต่อเนื่อง หรือช่วยให้เด็กแบ่งแยกสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกมาเป็นหลายขั้นตอน

3. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านดนตรี

เด็กกลุ่มนี้จะมีทักษะในการฟังที่ดีเยี่ยม สามารถแยกแยะความแตกต่างเล็ก ๆ น้อยได้อย่างง่ายดาย และมักหลงใหลในเสียงดนตรี และเสียงเพลง ที่สำคัญพวกเขาชอบทำให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นคำคล้องจอง หรือเป็นแบบแผน เช่น ใช้เทคนิคในการเรียนรู้ผ่านบทเพลง จังหวะ และคำกลอน

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควรหาหนังสือที่มีเสียงสัมผัสให้ลูกได้อ่าน ส่งเสริมเขาให้เรียนรู้ และจดจำสิ่งต่าง ๆ เป็นเสียงดนตรี หาเกมเกี่ยวกับตัวเลข และรูปทรงมาให้เล่น หรือหารูปทรงต่าง ๆ ให้ลูกเรียนรู้ หรืออาจให้เด็กใช้ส้อมเสียง น้ำ ทราย หรือสิ่งรอบตัวมาทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างกันก็ได้

4. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านร่างกาย

เด็กกลุ่มนี้จะตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางกายภาพได้ดี ชอบแสดงออก และสนุกกับกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะ และงานฝีมือ สามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างยอดเยี่ยม และมักจะเคลื่อนไหวตลอดเวลาที่เรียนรู้จนอาจดูเหมือนนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น อาจหากิจกรรมที่เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย ใช้กล้ามเนื้อ สร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายให้เด็กทำ เพราะถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยพัฒนาเด็กที่ฉลาดในด้านนี้ นอกจากนั้นควรให้โอกาสเด็กได้เดินคิดไปคิดมาและตัดสินใจด้วยตัวเองในขณะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งเด็กอาจจะรู้สึกลำบากมากหากต้องนั่งคิดนิ่งๆ อย่างเดียว

5. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านมิติสัมพันธ์

เด็กกลุ่มนี้มัดคิดอะไรเป็นรูปภาพ สามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ในหัว และวิเคราะห์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจินตนาการ และสร้างโลกใหม่ขึ้นมาในความคิด มีจินตนาการที่เปี่ยมล้น จดจำทิศทางได้ดี และอ่านแผ่นที่เก่ง

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควรหาหนังสือที่มีรูปภาพเยอะ ๆ ให้เด็กอ่าน เวลาอ่านหนังสือให้เด็กฟังควรเน้นให้เด็กสังเกตเห็นภาพ และเชื่อมโยงภาพนั้นกับคำที่คุณอ่าน หรืออาจจะหาของเล่น ไม่ว่าจะเป็นดินน้ำมัน กระดาษ ลูกบอล และตัวต่อ หรือใช้ภาพในการอธิบายสิ่งต่าง ๆ แทนที่จะพูดเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ หากต้องเดินทางไปนอกบ้านด้วยกันก็ควรชี้ให้เด็กสังเกตเห็น และจดจำสิ่งของหรือสถานที่ต่าง ๆ ตลอดทาง

6. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านมนุษยสัมพันธ์

เด็กกลุ่มนี้มักจะชอบอยู่กับคนอื่น และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ชอบเล่นเป็นกลุ่ม สามารถนำผู้อื่นได้ดี และที่สำคัญจะมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย หรือทำงานร่วมกับผู้อื่น จัดกิจกรรมให้เด็กได้พบปะสังสรรค์กัน โดยเฉพาะการทำความรู้จักกับเด็กคนอื่นที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาเรียนรู้ถึงบทบาท และความสามารถของผู้อื่น นอกจากนี้ เวลาอธิบายอะไรให้เด็กฟัง ควรอธิบายเป็นเรื่องราวที่มีตัวละครหลาย ๆ ตัว หรือขณะเดินทางไปนอกบ้าน ควรชี้ให้เด็กสังเกตผู้คนรอบ ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม และอาชีพที่แต่ละคนกำลังทำ

7. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านความเข้าใจตัวเอง

เด็กกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มีความมั่นใจในตัวเอง และมักจะชอบทำสิ่งต่าง ๆ ตามสัญชาตญาณของตัวเอง อีกทั้งยังชอบริเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ได้เอง และสามารถทำงานเพียงลำพังได้โดยไม่พึ่งใคร นอกจากนี้ยังเก่งในการทำงานให้ถึงเป้าหมาย มีความชัดเจนว่าตัวเองชอบ หรือไม่ชอบอะไร

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดวิเคราะห์ และไตร่ตรองสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ควรชี้แนะเด็กให้เข้าใจว่า สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้นั้นมีความเชื่อมโยงกับพวกเขาอย่างไร แต่ควรให้เด็กเลือกทำ หรือวางแผนสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ไม่ควรบีบบังคับ หรือก้าวก่ายความคิดของเด็ก ๆ ในขณะที่พวกเขากำลังเรียนรู้ ควรให้เด็กมีพื้นที่ส่วนตัว เพื่อคิดไตร่ตรองในการเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ ด้วย

8. จุดเด่นของเด็กที่ฉลาดด้านรู้จักธรรมชาติ

เป็นความฉลาดที่เด็กสามารถจดจำ และเข้าใจธรรมชาติรอบตัวได้ดี ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะชอบสำรวจธรรมชาติ และพยายามสังเกตเห็นรูปแบบ คุณลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เป็นเด็กชอบจัดระบบสิ่งของที่สะสมไว้ เก็บรายละเอียดสิ่งต่าง ๆ ได้ดี และมักจะมีความสามารถในการแยกแยะระหว่างสิ่งของในหมวดเดียวกัน และสังเกตเห็นความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้

หากพบว่าลูกมีจุดเด่นในด้านนี้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควรส่งเสริมให้เด็กอยู่กับธรรมชาติ รู้จักจัดการ ค้นหา พร้อมทั้งเชื่อมโยงธรรมชาติให้เข้ากับทุกอย่างที่เด็กเรียนรู้ นอกจากนี้ควรส่งเสริมวิธีคิดให้เด็ก ๆ ได้คิดว่า สิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาเรียนรู้นั้นมีผลต่อโลกนี้อย่างไร จากนั้นพยายามให้ข้อมูลด้านต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เด็กจดจำข้อมูลเกี่ยวกับโลกรอบ ๆ ตัว โดยแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ตามลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้น ๆ

ถึงเวลาแล้วที่พ่อแม่ และผู้ใหญ่ในสังคมควรเปลี่ยนมุมมองการเลี้ยงลูกจากเดิมที่ยึดติดว่า "ลูกต้องเรียนเก่ง" เป็น "ลูกเก่งด้านไหนใน 8 ด้าน" แทน เพราะโลกนี้ไม่ได้ต้องการคนที่เก่งด้านภาษา และคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่ยังต้องการคนที่เก่งด้านอื่น ๆ อย่างนักดนตรี และศิลปินมาเป็นผู้สร้างสรรค์ให้โลกสวยงามด้วย

Cr : manager.co.th



Wednesday, October 22, 2014

เยื่อตาอักเสบจากการเล่นสมาร์ทโฟน

สังคมก้มหน้า คงเคยได้ยินคำเปรียบเปรยแบบนี้ จะสังเกตุได้ว่าในร้านอาหารระหว่างนั่งรออาหารหลายๆคนก้อจะนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือบ้าง แทบเลตบ้าง ไม่ค่อยจะได้นั่งพูดคุยจ้องหน้ากันเหมือนเมื่อก่อน เท่านี้ยังไม่พอก่อนนอนจะหยิบโทรศัพท์มารูดๆก่อนเพื่อความสบายใจ แต่ในความสบายใจนั้นแฝงไปด้วยอันตรายร้ายสำหรับดงตาน้อยๆของเรา ซึ่งวงการแพทย์ที่ฮ่องกงหาสาเหตุที่ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องตา หนึ่งในสาเหตุนั้นมาจากการที่ผู้ป่วยเป็นคนที่ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน ในที่มืดหรือเล่นหลังจากปิดไฟนอนเล่นในที่มืดบ่อยๆ และนานๆเข้าแสงที่รุนแรงส่องจากโทรศัพท์เข้าตา ทำลายเยื่อตา เร่ิ่มรู้สึกตาแห้งนานๆเข้ากลายเป็นโรคมะเร็งตา มีโอกาสตาบอดสนิท น่ากลัวมากๆจริงๆ เล่นได้แต่ระวังกันหน่อยนะคะ


Tuesday, October 21, 2014

เงิน 4 ด้าน รายได้ 4 แบบ

เคยมีคำถามว่าทำไมเราต้องทำงานเพื่อหาเงินด้วย ไม่อยากทำงานไปตลอดนะแต่อยากมีเงินใช้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินมันสำคัญในสิ่งที่ต้องใช้เงิน อยากมีเวลาได้ไปเที่ยวทำอะไรที่อยากทำ เงิน 4 ด้าน รายได้4 แบบ จากภาพด้านล่างพอจะตอบข้อสงสัยนี้ได้


Monday, October 20, 2014

ชีวิต กับ เวลา

เพราะชีวิตเกิดมามีเวลาจำกัด 
อยากทำอะไรต้องรีบทำ 
อย่ามัวช้าอยู่
เวลาหมุนไปเรื่อยๆในทุกๆวัน 
เวลาไม่มีเหนื่อย
ไม่มีพัก
เป้าหมายของเราคืออะไร
หามันให้เจอ
แล้ว
ไปต่อ ไปต่อ


Friday, October 17, 2014

จะเปลี่ยนชีวิตต้องเปลี่ยนตัวเราก่อนเสมอ

การเปลี่ยนชีวิต ไม่ต้องถามใคร ให้ถามในเราดู

สำคัญที่สุด..ต้องเปลี่ยน "ตัวเรา" ก่อนเสมอ


Monday, October 13, 2014

กำลังใจ




เมื่อท้อ 
อย่ามัวหวังกำลังใจจากคนอื่น
เราต้องหัดสร้างกำลังใจ
ด้วย
ตัวเราเอง




Thursday, October 9, 2014

อย่ายอมแพ้

เป็นกำลังใจให้ทุกๆคน เราเกิดมาในโลกนี้เพื่อทำสิ่งที่มีคุณค่ากับตนเองและคนรอบตัว 
เพราะฉะนั้นอย่ายอมแพ้!!!




Wednesday, October 8, 2014

การดุด่า กับ ความหวังดี สำหรับเด็ก


ผู้ใหญ่มักแยกไม่ออกระหว่าง "การเถียง" กับ "คำอธิบาย"
เด็กมักแยกไม่ออกระหว่าง "การดุด่า" กับ "ความหวังดี"


มอบให้กับพ่อแม่ทุกคนนะคะ

Tuesday, September 30, 2014

เพราะอะไร

1. เพราะคุณยังมีแรงกดดันไม่พอ
ไม่ว่าคุณกำลังรู้สึกสบายใจกับชีวิต มีเงินพอใช้หรือไม่ ถ้าตราบใดที่คุณรู้สึกว่า “ไม่ต้องดิ้นรนหรอก ชีวิตแบบนี้แหละเราว่าก็ใช้ได้แล้ว” นี่คือคำพูดของคนที่กำลังหยุดพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเอง

2. เพราะคุณยังชอบอยู่ใน Comfort Zone
ไม่มีอะไรอันตรายมากไปกว่าการทำอะไรซ้ำๆโดยที่ไม่พยายามหาสิ่งใหม่ให้กับ ชีวิต โลกใบนี้มีคนเยอะมากๆ คนธรรมดาๆที่ไม่กล้าทำอะไรใหม่ ยังไงก็สู้คนธรรมดาที่กำลังเป็นคนใหม่เพราะทำแต่สิ่งใหม่ไม่ได้อยู่แล้ว

3. เพราะคุณคิดเล็ก
มีปราชญ์ฝรั่งบอกว่าการหาเงินล้านยากกว่าการหาเงินพันล้าน ถ้าคุณไม่ปรารถนาจะสร้างเงินล้าน คุณย่อมไม่มีทางทำได้ การยอมรับว่าอยากมีฐานะที่ดีขึ้นจะนำไปสู่เส้นทางที่มันควรจะเป็น

4. เพราะคุณไม่เคยออกกำลังกาย
ผมพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าการออกกำลังกายเป็นประตูขั้นแรกสุดของการเปลี่ยน แปลงชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ ถ้าคุณออกกำลังกาย สมองของคุณจะโล่ง โปร่ง เบาสบาย ซึ่งมันเป็นสภาวะที่ก่อให้เกิดไอเดียเปลี่ยนชีวิตที่คุณจะต้องตกตะลึงเลย การันตี

5. เพราะคุณไม่อ่านหนังสือดีๆ
การอ่านหนังสือคือการขโมยประสบการณ์จากคนอื่น มันช่วยทำให้คุณประหยัดเวลาในชีวิตได้มาก หนังสือดีๆช่วยเปิดโลกทัศน์ให้คุณได้ มีคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกมากมายที่ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง มันคุ้มสุดๆที่จะอ่าน

6. เพราะคุณฉลาดเกินไป
ทำไมประเทศจีนมันเก่งจังวะ อ๋อ เพราะคนมันเยอะไง ประเทศมันเลยโต ทำไมประเทศสิงคโปรมันเก่งจังวะ อ๋อ เพราะคนมันน้อยไง ประเทศมันเลยคุมง่าย คนฉลาดเกินไปมักจะมีตรรกะที่เข้าข้างตัวเอง และหาเหตุผลที่จะสนับสนุนเพื่อที่จะหาข้ออ้างไม่ลงมือทำ

7. เพราะคุณศรัทธาระบบการศึกษาไทย
ระบบการศึกษาไทยมักบอกว่าเรียนเก่งเท่ากับชีวิตที่ดี ทั้งๆที่ในโลกความจริงการเรียนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความสำเร็จเลย การศึกษามันเป็นเรื่องที่ต้องทำทั้งชีวิต ใครหยุดก็แพ้

8. เพราะคุณเอาความกลัวมาเป็นประเด็น
ลูกค้าไพ่ Tarot ของผมที่ประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจทุกคน ผมถามว่าตอนเริ่มทำธุรกิจ คุณไม่กลัวเหรอ รู้ไหมครับ ว่าเขาตอบว่าอย่างไร เขาตอบผมว่า “กลัว แต่อยากทำ” ทำทั้งๆที่กลัวนั่นเเหละคือความกล้า

9 เพราะคุณไม่รู้ว่าความตายมันใกล้ตัว
ชีวิตทุกคนแสนสั้น พ่อแม่พี่น้องคนที่เรารักรวมไปถึงตัวเรา ลองถามตัวเองว่าถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตคุณ นี่คือชีวิตที่คุณต้องการหรือเปล่า ถ้าไม่ คุณจะเริ่มทำอะไรเพื่อความสุขของตัวเองและครอบครัว

10. เพราะคุณไม่เห็นความฝันของตัวเอง
ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการไม่ยอมฟังเสียงร่ำร้องของหัวใจตัวเองอีกแล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีความฝัน คนรวยจะจ่ายเงินเพื่อให้คุณไปทำตามความฝันของเขาให้เป็นจริง ถ้าอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ได้โปรด…!!! หยุดฟังเสียงคนอื่นแล้วหันมาใส่ใจกับเสียงร่ำร้องของความฝันตัวเองเสียที เพื่อตัวคุณเอง เพื่อคนที่คุณรัก

ขอบคุณการแบ่งปันจากคุณปอแล้ว แลขอบคุณคุณวิชญ์แหล่งที่มา 

Wednesday, September 24, 2014

วิธีตรวจสอบง่าย ๆ ว่าคุณกำลังคุยกับคนล้มเหลวหรือคนสำเร็จ

ชอบมากๆเลยคะ ต้องขอเอามาเก็บไว้ในบล๊อกส่วนตัวไว้ให้ตัวเองอ่าน และได้เผยแพร่ให้คนอื่นที่อาจจะไม่ได้ติดตามจากหน้าเฟสของคุณบอย Boy's Thought อ่านทุกเช้าเมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ เริ่มต้นการทำงานตอนเช้าด้วยบทความดีๆ ขอบคุณคุณบอยมากๆค่ะ


วิธีตรวจสอบมี 5 ข้อดังนี้คะ

1. เขาคุยเรื่องสิ่งที่ไม่ต้องการ หรือ คุยเรื่องสิ่งที่ต้องการ?
2. เขาคุยเรื่องอดีต หรือ คุยเรื่องอนาคต?
3. เขานินทาคนอื่น หรือ ชื่นชมคนอื่น?
4. เขาบ่นโทษคนอื่น หรือ เขาบอกว่าจะลงมือแก้ไขด้วยตัวเอง?
5. เขาเอาแต่พูดฝ่ายเดียว หรือ อยากฟังคุณพูดบ้าง?
ถ้าเขาเป็นอย่างแรก คือ
เอาแต่คุยเรื่องสิ่งที่เขาไม่ต้องการ พูดแต่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว
นินทาคนอื่น โทษคนอื่น และเอาแต่พูดเรื่องของตัวเอง
แปลว่าเรากำลังคุยกับคนล้มเหลว
ให้ค่อย ๆ ทำตัวห่างออกมาเท่าที่ทำได้
ถ้าเขาเป็นอย่างหลัง คือ
คุยแต่สิ่งที่ต้องการ คุยเรื่องอนาคต
ชื่นชมคนอื่น พร้อมลงมือด้วยตนเอง
และยังอยากฟังความคิดเห็นของเรา
แปลว่าเรากำลังคุยกับคนสำเร็จ
อย่าปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป จงใช้เวลาร่วมกับเขาให้มากที่สุด
วิธีตรวจสอบง่าย ๆ นี้ ยังใช้ตรวจสอบตัวเองได้อีกด้วย
ว่าเราเป็นคนแบบไหน
เปลี่ยนตัวเองให้คิด พูด ทำแบบคนสำเร็จ
แล้วเราจะแวดล้อมไปด้วยคนสำเร็จ
แล้วเราก็จะสำเร็จยิ่งขึ้น

Thursday, September 18, 2014

29 สุดยอดคำคมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

รู้จักคุณค่าชีวิต แล้วคุณจะพบความสุขที่ยิ่งใหญ่

1.อะไรก็ตามถ้าได้มาแล้วรู้จักรักษา เชื่อว่าสิ่งนั้นๆ จะอยู่กับเราได้นานเสมอ
2.”คนเก็บขยะ” คือคนที่เสียสละเอาตัวเข้าไปแลกกับของเหม็นเน่าเพื่อเอาไปทิ้ง โลกนี้น่าอยู่ก็เพราะพวกเขานะ
3.ถ้ายังไม่ปล่อยมือจากอดีต แล้วจะเอามือไหนไปคว้าอนาคต
4.อย่าใช้เวลาทั้งชีวิตหาเงิน จงใช้เวลาส่วนหนึ่งของชีวิตหาเงิน เพื่อใช้ตลอดชีวิต
5.จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา
6.บางครั้งสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด ฉะนั้นอย่าตัดสินคนอื่นจากความรู้สึกส่วนตัว
7.ถ้าคุณตกหลุมรักคนสองคนในเวลาเดียวกัน จงเลือกคนที่ 2 เพราะถ้าคุณรักคนแรกจริงๆ คุณจะไม่มีคนที่สองอย่างแน่นอน
8.อย่าตกเป็นทาสของกฏเกณฑ์ นั่นคือการใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของคนอื่น ดังกลบเสียงหัวใจของเราเอง
9.คนที่มีความคิดเป็นเถ้าแก่ จบ ป.4 ก็เป็นเถ้าแก่ได้ คนที่จบปริญญาโท แต่คิดจะเป็นลูกจ้าง มันก็คือลูกจ้างทั้งชีวิต
10.สติ..ทำให้เรื่องใหญ่ๆ กลายเป็นเรื่องเล็ก อคติ..ทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่
11.ความสุขแม้จะอยู่กับเราได้ไม่นาน แต่ความทรงจำที่ดี จะอยู่กับเราตลอดไป
12.ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้ใครชมว่าดี แค่รู้ว่าจิตสำนึกที่เรามีมันดีก็พอแล้ว
13.หากพอมีกำลังอย่าไปหวังพึ่งใคร ต่อหน้านั้นคือน้ำใจ ลับหลังไปคือหนี้บุญคุณ
14.ร้องไห้เอาชนะใจคนได้บางคน แต่ยิ้มแย้มเอาชนะใจคนได้เกือบทั้งโลก
15.คุณอาจจะต้องทำความรู้จักกับคนนับร้อย กว่าจะได้พบเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน
16.อยู่ต่ำให้มองสูง อยู่สูงให้มองต่ำ
17.หนามแหลมคมไม่ต้องเสี้ยม คนแหลมคมไม่ต้องสอน
18.ไม่พูดไม่ได้แปลว่าไม่รู้ เงียบไม่ได้แปลว่าโง่ แต่ฉลาดพอที่จะนิ่ง
19.ถ้าเราวิ่งหนีปัญหาไม่พ้น ก็ลองวิ่งชนมันดูสักครั้ง
20.คนเราไม่วางแผนที่ยาวไกล ความทุกข์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
21.อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่ และอย่าแคร์สายตาใคร ตราบใดที่เรายังหายใจด้วยจมูกของเราเอง
22.คนอื่นไม่ให้โอกาสเรา ยังไม่น่าเศร้า เท่ากับเราไม่ให้โอกาสตัวเอง
23.กระจก..ไม่เคยดูถูกใคร มีแต่คนที่ไม่มั่นใจ ที่ดูถูกตัวเอง
24.คนฉลาดไม่ใช่ผู้ที่ชนะการโต้แย้ง แต่คนฉลาด คือผู้ที่ออกห่างจากการโต้แย้งตั้งแต่เริ่มต้น
25.คนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า คือคนที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่ใช่เพราะได้ทำ ในสิ่งที่คนอื่นอยากให้ทำ
26.อย่าเป็นคนเก่งที่แล้งน้ำใจ แต่จงเป็นคนธรรมดาทั่วไป ที่มีน้ำใจและไม่เห็นแก่ตัว
27.มองปัญหาให้เหมือนกับเม็ดทราย ถึงจะเยอะมากมาย แต่เม็ดทรายก็เล็กนิดเดียว
28.ไม่มีใครดีเลิศหรือเพอร์เฟคหรอก เพราะขนาดดินสอยังต้องมียางลบ
29.ใครจะดูถูกเราก็ปล่อยให้เค้าดูถูกไป แต่จงท่องให้ขึ้นใจ ว่าเราจะไม่ดูถูกตัวเอง

ขอขอบคุณทุกคำคมค่ะที่ทำให้คิดได้ขึ้นเยอะ

เป้าหมายสำคัญเช่นไร

วันนี้ระหว่างไดร์ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งมีคนเขียนเรื่อง "เป้าหมายในชีวิต" เล่าเรื่องโดยผู้ชายคนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้อยู่ไปวันๆทำงานไปเรื่อยๆ เค้ามีภรรยาแต่ไม่มีลูกเค้าเลยคิดว่าเพราะไม่มีลูกหรืเปล่าทำให้ไม่ได้คิดว่าจะทำสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อใครหรือเพื่ออะไร ก่อนหน้านี้ทำงานบริษัท เป็นลูกจ้าง จนออกมาทำของตัวเอง แต่จะถามว่ามีเงินเก็บมั้ย เค้าไม่มีเงินเก็บเลยสักบาทเดียวในบัญชี ตอนที่ไปกู้เงินจะทำธุรกิจเองธนาคารก้อไม่ใ้หเพราะไม่มีแม้แต่เงินฝากในบัญชี แต่ด้วยเค้าเป็นคนชอบอ่านหนังสือวันนึงอ่านหนังสือเล่มนึงพบกับคำว่าเป้าหมายใน เริ่มมองเห็นอะไรมากขึ้น และด้วยวัย 40 ปีของเค้า เริ่มคิดว่าเงินก้อสำคัญหรือสิ่งนี้จะเป็นเป้าหมายในชีวิตของเค้า เค้าเลยเสริ์ชในอินเตอร์เน็ทหาว่าทำยังงัยจะมีเงินเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนที่สุดไม่มี เค้าเลยนั่งคุยกับตัวเองว่าแล้วเค้าจะทำอะไร โชคดีที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนชอบอ่านและชอบเขียน เลยตัดสินใจลองเขียนหนังสือ ถึงแม้ในตอนแรกจะไม่ดีนักและเงินตอบแทนจะไม่มากมาย แต่อย่างน้อยทำให้เค้ารู้ว่าเค้าชอบอะไรอยากทำอะไร และเป้าหมายในชีวิตของเค้าคืออะไร

อ่านจบทำให้คิดว่า การมีเป้าหมาย ในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ จะทำอะไรสักอย่างต้องตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไร เพื่ออะไร ไม่อย่างนั้นเราก้อใช้ชีวิตไปวันๆโดยไม่รู้ว่าจะทำงานไปเพื่ออะไร


Monday, September 15, 2014

ฝนตกพรำๆกับภาพฝนตกสวยๆ

ช่วงนี้ฝนตกทุกวันเลยพื้นดินชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน ต้นไม้มีความสุขได้ดื่มด่ำกับน้ำฝน แต่ต้นไม้บางชนิดก้อเริ่มแสดงอาการว่าน้ำมากเกินไปใบเริ่มเหลืองแล้ว อิอิ มีทั้งดีใจและเริ่มบ่น เหมือนคนเลยจริงๆ บางคนชอบบางคนไม่ชอบ ก้อแล้วแต่ใครชอบแบบไหนนะคะ แต่สำหรับตัวเราชอบและมีความสุขในทุกๆอากาศคะ วันนี้เลยเสิร์ชหารูปฝนตกมาเก็บเอาใว้ในบล๊อกดูเล่นๆดีกว่า







Sunday, September 14, 2014

ผู้ชายถูกกระตุ้นด้วยเป้าหมาย ผู้หญิงถูกกระตุ้นด้วยความห่วงใยใส่ใจ

เขาจะมีความสุขทุกครั้งที่บรรลุเป้าหมาย
ผู้หญิงถูกกระตุ้นด้วยความห่วงใยใส่ใจ
เธอจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำหน้าที่ห่วงใยใส่ใจ
หรือในทางกลับกันมีคนห่วงใยใส่ใจเธอ

ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้ คุณจะเข้าใจชายหญิง
และจัดการความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น
สมมติว่าผมยกตัวอย่างเรื่องงาน เช่น
ถ้าคุณมีลูกน้องผู้ชาย
กระตุ้นเขาได้ง่ายๆ ด้วยการหาเป้าหมายที่เร้าใจ
เขาจะวิ่งเป็นวัวกระทิง เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้
ถ้าคุณมีลูกน้องผู้หญิง
เป้าหมายที่เร้าใจอาจไม่กระตุ้นเธอ
แต่อาจเป็นการมอบหน้าที่การดูแลใส่ใจคนในองค์กร

พูดง่าย ๆ ผู้ชายเป็นเพศที่สนใจแต่เป้าหมาย ไม่ค่อยมองข้างทาง
ส่วนผู้หญิงก็ไม่ค่อยสนใจเป้าหมายนัก เธอชอบความสุขระหว่างทาง

นิสัยแบบนี้เราเป็นกันมาตั้งแต่สมัยมนุษย์ถ้ำ และยังเป็นอยู่
ไม่มีใครผิดหรือถูก ไม่มีใครดีกว่าใคร
แต่เราแค่ต่างกันเท่านั้นเอง

และเอาเข้าจริง นิสัยนี้ครอบคลุมทั้งหมดของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ทัศนคติ ความสัมพันธ์ หรือเซ็กซ์
ใครเข้าใจและเอาไปปรับใช้
จะทำให้เข้าใจเพื่อนร่วมโลกของเราได้มากขึ้นครับ

ปล. แน่นอนครับว่าผมไม่ได้หมายถึงหญิงชายทุกคนต้องเป็นแบบนี้
แต่หมายถึงคนส่วนใหญ่ของเพศนั้นๆ

ขอบคุณคุณ Boy's Thought อีกครั้งสำหรับข้อความสอนใจดีๆอันนี้คะ

Friday, September 12, 2014

เคล็ดลับของการใช้เวลาใน 1 วันให้เต็มประสิทธิภาพ

ตอนเช้าสมองเรากำลังโปร่งโล่งพร้อมรับสิ่งดีๆ เพราะฉะนั้นเช้าๆเมื่อเปิดคอมพิวเตอร์ที่ทำงานก้อจะเปิดอ่านแต่สาระดีๆเพื่อต้อนรับการทำงานด้วยสิ่งดีๆ และเช้านี้กับเฟสบุ้คของคุณ บอย วิสูตร ชอบมากๆกับ "เคล็ดลับของการใช้เวลา" เป็นการบริหารเวลาในแบบของคุณบอย วิสูตร ซึ่งแต่ละคนสามารถไปปรับใช้ในเวลาของแต่ละท่าน ลองอ่านกันดู คัดลอกทั้งหมดมาจากหน้าเพจคุณบอยหมดเลยไม่มีการปรับแต่งข้อความเลยคะ

เคล็ดลับของการใช้เวลาก็คือ
แค่เราทำงานต่อเนื่องอย่างตั้งใจได้ "ครั้งละ 2 ชั่วโมง" ก็ถือว่าได้ใช้เวลาอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว

ผมรู้ความจริงข้อนี้ดี
เพราะฉะนั้นผมจะเริ่มวันใหม่ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ
ประมาณหนึ่งชั่วโมง
จากนั้นทานข้าวเช้าแบบไม่หนักมาก
แล้วเริ่มทำงานตอนเช้าอย่างต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง
จากนั้นจึงออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมง
พักผ่อน อาบน้ำให้สดชื่น เพื่อออกไปทานข้าวกลางวัน
ถ้างานไม่ยุ่ง ก็ไปเดินเที่ยวเล่นหรือดูหนังกับภรรยา
ถ้างานยุ่งหน่อย บ่ายนั้นผมก็จะทำงานรวดอีก 2 ชั่วโมง
จากนั้นช่วงเย็นจึงเป็นเวลาครอบครัว
ไปรับลูก กินข้าวเย็น เดินเล่นดูท้องฟ้า
อาบน้ำอาบน้ำท่า เล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง
จากนั้นจึงเป็นเวลาของการอยู่คนเดียว
เพราะลูกและภรรยาหลับหมด
ผมมีเวลาอีก 2 ชั่วโมงในการทำงานเต็มๆ อย่างต่อเนื่อง
หรือจะนั่งค้น นั่งดู นั่งฟังอะไรเพิ่มเติมในอินเทอร์เน็ตก็ได้
หรือไม่ก็นั่งคุยกับตัวเอง เพราะถือเป็นช่วงเวลาของการอยู่คนเดียว
ก่อนที่จะปิดท้ายวันด้วยการอ่านหนังสือดีๆ ก่อนเข้านอน
อีกหนึ่งชั่วโมง
สรุปผมสามารถมีเวลาทำงานแบบ "เต็มประสิทธิภาพ" ถึง 6 ชั่วโมง!
โดยแบ่งเป็น slot ละ 2 ชั่วโมง 3 slot
นั่นจึงคือคำตอบว่าทำไมผมถึงผลิตงานออกมาได้มากมาย
ทั้งเป็นบรรณาธิการให้หนังสือนับสิบเล่ม
เขียนหนังสือของตัวเองปีละอย่างต่ำ 2 เล่ม
แต่งเพลง จัดสัมมนา เป็นวิทยากร
แถมยังมีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาให้ครอบครัว
และมีเวลาอยู่คนเดียวอีกด้วย
ประเด็นที่ผมจะสื่อก็คือ
1.คุณต้องตั้งใจทำงานต่อเนื่อง เวลาเครื่องจุดติด คุณต้องไปต่อ
2.คุณต้องจัดสรรเวลาให้ครบทุกด้านของชีวิตเท่าที่ทำได้
3.คุณต้องเริ่มต้นและปิดท้ายวันด้วยหนังสือดี
ไม่ใช่ข่าวขยะหรือนิยายตบตี
ลองเอาไปปรับใช้กับเวลาของคุณดูนะครับ
ผมไม่ได้บอกให้ทำเหมือนผมเป๊ะ
เพราะบางคนทำงานประจำ บางคนต้องเฝ้าร้าน
ขอแค่จัดสรรเวลาให้ดี และใช้มันให้เต็มคุณค่า
เวลาคือทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุด
ตั้งใจดูแลมันหน่อยนะครับ

ขอบคุณเพจคุณบอย Boy's Thought

Monday, September 8, 2014

วิธีการดุลูก และวิธีการปลอบลูก

ไม่แปลกที่จะดุลูกแต่เราจะมีเทคนิคในการดุลูกแบบไหนที่จะไม่ทำให้ลูกเสียใจแล้วเราเองก็ไม่เสียใจที่ดุลูกไป มีเทคนิคต่างๆที่สามารถลองไปทำกันดูได้ดังนี้

1.ควรตำหนิในสิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่ตำหนิตัวเขา การบอกลูกว่า “แม่ไม่ชอบที่หนูแกล้งน้อง” กับการบอกลูกว่า “ทำไมเป็นเด็กเกเรแบบนี้” ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมาก โดยในคำพูดแบบแรกนั้นให้ความรู้สึกว่า แม่ไม่ได้รู้สึกแย่กับลูก แม่แค่ไม่ชอบในสิ่งที่ลูกทำ ในขณะที่ประโยคหลังนั้นในทางจิตวิทยา เรียกว่า ‘การตีตรา’ หมายความว่าคุณแม่นั้นได้สรุปไปเรียบร้อยแล้วว่าลูกเป็นเด็กเกเร ซึ่งการพูดแบบหลังจะทำให้เด็กเกิดความท้อแท้และไม่อยากที่จะปรับปรุงตัวเอง

2.ควรบอกในสิ่งที่อยากให้เขาทำแทนสิ่งเดิมเสมอ เช่น หากเราบอกลูกว่า “อย่าตีน้อง” เด็กๆ หลายคนจะมีปัญหาว่าเมื่อเขาไม่พอใจน้อง เขามักไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแทนที่การตีน้อง และสุดท้ายเขาก็จะกลับมาตีน้องในที่สุด ดังนั้นคุณแม่ควรบอกเขาว่า “อย่าตีน้อง ต่อไปนี้ถ้าน้องทำอะไรให้หนูไม่พอใจให้มาบอกแม่” เป็นต้น

3.ห้ามดุลูกขณะที่อารมณ์ไม่ดี ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมาก เนื่องจากเด็กๆ จะรู้สึกแย่กับความหงุดหงิดและความโกรธมากกว่าคำพูดของเราเสียอีก ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดก็ควรบอกกับลูกว่า “ตอนนี้แม่หงุดหงิดมาก เดี๋ยวแม่จะไปทำอย่างอื่นก่อน หายโกรธแล้วแม่จะมาคุยเรื่องนี้กับหนูอีกที” นอกจากลูกจะไม่ต้องรับอารมณ์ของเราแล้ว เขาจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการจัดการความโกรธที่ดีจากเราอีกด้วย


สำหรับการปลอบลูกนั้นมีหลักการง่ายๆ ว่า คุณแม่เพียงแสดงความห่วงใยในความรู้สึกของเขาก็พอ เช่น “หนูเสียใจเหรอลูก” หรือ “หนูไม่ชอบที่คุณพ่อดุหนูใช่ไหม” เป็นต้น

สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ หากคุณแม่เห็นว่าคุณพ่อดุหรือทำโทษลูกรุนแรงเกินไป ก็ไม่ควรจะพูดแย้งต่อหน้าลูก แต่ควรจะไปคุยกันทีหลังเพราะอาจทำให้ลูกไม่เคารพและไม่เชื่อฟังคุณพ่อในคราวต่อๆ ไป และคุณพ่อจะได้ไม่รู้สึกเสียหน้าด้วย

ขอบคุณเทคนิคดีๆจาก momymedia โดย นพ.อัศวิน นาคพงศ์พันธุ์

Monday, August 11, 2014

นิทาน 3 เรื่อง บอกนิสัยคน

1. สมหวัง ไม่ชอบกินไข่ ทุกครั้งที่ได้ไข่มา
ก็ให้ สมนึก กิน

แรกๆ สมนึก ก็รู้สึก ขอบคุณสมหวัง แต่นานๆเข้า
สมนึก ก็เคยชิน เมื่อเกิดความเคยชิน ก็เหมือนกับเป็นหน้าที่ที่ สมหวัง ต้องทำ

จนมาวันหนึ่ง สมหวัง เอาไข่ให้ สมชาย
สมนึก ก็อารมณ์เสีย โดยลืมไปว่า ไข่นี้เป็นของสมหวัง สมหวังจะให้ใครก็ได้ สมนึกจึงทะเลาะกับสมหวัง เพราะเรื่องนี้ แล้วก็เลิกคบกัน

2. ฤดูร้อน ร้อนมาก
เพื่อนๆหลายคน ไปเดินเล่นกัน ไปถึงแม่น้ำ ก็เอาขาไปแช่น้ำกัน ปรากฏว่า รองเท้าของสมศรี ลอยตามน้ำไป

ระหว่างทางเดินกลับบ้าน พื้นถนนร้อนมากและ ต้องเดินไกล สมศรีจึงขอให้เพื่อนๆช่วย แต่ทุกคน มีรองเท้าแค่คู่เดียว สมศรี ไม่สบอารมณ์
เพราะเธอชอบ ขอให้คนอื่นช่วยเสมอ
และแค่ทำเป็นงอน ก็จะมีคน ยื่นมือเข้าช่วย
แต่ครั้งนี้ไม่ เธอจึงคิดว่า เพื่อนๆทุกคนใช้ไม่ได้ ไม่ยอมช่วยเหลือ แล้วก็มี สมปอง เอารองเท้าตัวเอง ให้สมศรีใส่ ยอมทนเท้าร้อน เดินต่อ
สมศรี ขอบคุณ สมปอง สมปองบอกสมศรีว่า

“เธอต้องจำไว้ว่า ไม่มีใคร มีหน้าที่ต้องช่วยเธอ
ที่ช่วยเธอ เพราะเป็นเพื่อนกัน ไม่ช่วยก็ไม่ผิด”

สมศรี จำคำพูดของสมปอง
ต่อแต่นี้ไป สมศรีก็ให้ความช่วยเหลือเพื่อน ๆ เป็น และด้วยความเต็มใจ

หลายครั้ง เรามักจะหวังให้ คนอื่นดีต่อเรา ตอนแรก เราก็ซาบซึ้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็เคยชิน
เคยชินกับที่คนอื่นดีต่อเรา เหมือนเป็นหน้าที่ ที่เขาต้องดีต่อเรา เมื่อวันหนึ่ง ไม่ดีต่อเรา เราก็โมโห
ความจริง ไม่ใช่ว่า คนอื่นไม่ดีต่อเราแล้ว แต่เป็นเพราะ เราเรียกร้องมากขึ้น เคยชินกับการรับ ก็เลยลืมบุญคุณ เลิกซาบซึ้ง ลืมขอบคุณ

3. แพะตัวหนึ่ง เจอหมาป่า หมาป่าจะกินแพะ แพะจึงสู้
ใช้เขาสู้กับหมาป่า และก็ตะโกนขอให้เพื่อนๆช่วย

วัว มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไป

ม้า มองมา เห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไปอีกตัว

ลา เห็นเป็นหมาป่า ก็เดินหนีไปอย่างเงียบ ๆ

หมู ผ่านมา เห็นเป็นหมาป่า ก็หายตัวไป

กระต่าย ได้ยิน วิ่งหนีแซงเพื่อน ๆ ไปทุกตัว

หมา ได้ยิน รีบวิ่งเข้ามา จะสู้กับหมาป่า

หมาป่าเห็นมีหมามาช่วย จึงวิ่งหนีไป แพะรอดตาย

กลับมาถึงบ้าน เพื่อนๆมาทุก “ตัว”

วัวบอก “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เขาของข้า แทงทะลุท้องมัน”

ม้า “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เกือกของข้า กระทืบมัน”

ลา “ทำไมไม่บอก ข้าจะร้องเสียงดัง ๆ
ให้หมาป่าตกใจตาย”

หมู “ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้ปากของข้า พุ่งชนให้มันตกเขาไป”

กระต่าย “ทำไมไม่บอก ข้าวิ่งเร็ว ข้าจะไปส่งข่าวของความช่วยเหลือ

ในการพูดคุยกันอย่างเมามันนี้ ขาดอยู่”ตัว”เดียว คือ หมา

มิตรภาพที่แท้จริง ไม่ใช่ดูที่ คำพูด ที่แสนหวาน
แต่เป็น มือ ที่ยื่นให้ตอนคับขัน

พวกที่อยู่ล้อมหน้าล้อมหลังคุณ ทำให้คุณรู้สึกดี อาจจะไม่ใช่เพื่อนแท้ของคุณ

แต่กับเขา ที่ดูเหมือนห่างไกล แต่ใส่ใจคุณตลอดเวลา
ตอนคุณมีความสุข ไม่ไปสมทบ แต่ตอนคุณต้องการช่วยเหลือ จะทำเพื่อคุณอย่างเงียบๆ และเป็นห่วงใส่ใจคุณ
นั่นเป็นเพื่อนแท้ของคุณ..

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจากหน้าเฟส น.อ.ตะวัน นาครทรรพ

Friday, July 4, 2014

แบบทดสอบตลอดชีวิต

หากมีคำถามแบบนี้คุณจะตอบว่าอย่างไร

ในค่ำคืนระทึกขวัญ พายุฝนพัดกระหน่ำ คุณขับรถอย่างระมัดระวัง...กำลังผ่าน และจอดป้ายรถเมล์แห่งนั้น

คนสามคน ที่ยืนรอหน้าป้าย...ก็ให้บังเอิญ ล้วนแล้วแต่มีเหตุผล...ที่คุณต้องรับขึ้นรถ

คนแรก เป็นคนแก่ ป่วยหนักอาการอยู่ในขั้นโคม่า...ถ้าคุณไม่ช่วยเขา เขาจะต้องตาย

คนที่สอง เป็นหมอ ที่ให้บังเอิญเคยผ่าตัดช่วยชีวิตคุณไว้ เขาเป็นหมอที่คุณตั้งใจมานาน ว่าอยากจะตอบแทนบุญคุณ แต่ยังไม่เคยมีโอกาส

คนที่สาม เป็นผู้หญิงที่คุณรัก เป็นนางในอุดมคติที่คุณฝันถึง คุณไม่น่าพลาดโอกาสนี้ เพราะถ้าพลาด โอกาสที่จะชนะใจเธอคงไม่มีอีกแล้ว

ที่จริงโดยหัวใจคุณ คุณต้องรับคนทั้งสามขึ้นรถ และจัดหลีกเวลาขับไปส่งตามสถานการณ์ แต่ปัญหาสำคัญ รถของคุณนั้นรับคนได้คนเดียว...ตามข้อจำกัดนี้ คุณจะเลือกใคร

คำตอบอาจจะแตกต่างกันไปตามเหตุและผลที่คุณคิดว่าเหมาะสม ซึ่งคงจะไม่ต่างไปจากนี้

แบบที่ ๑ ช่วยคนแก่ก่อน วิธีคิดนี้มีเหตุผล เพราะเขาใกล้จะตาย นี่เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่คุณจะได้ช่วยชีวิตคนอื่น

คนไม่เลือกวิธีนี้ ก็มีเหตุผลเหมือนกัน คนแก่ทุกคนต้องตาย หรือถึงแม้ช่วยเขาตอนนี้ ก็อาจรักษาชีวิตเขาไว้ไม่ได้ตอนหน้า และบางทีอาจจะยืดเวลาเจ็บปวดทรมาน จากการป่วยให้ยาวไป

แบบที่ ๒ ให้คุณหมอขึ้นรถ เพราะการตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตมนุษย์

คนไม่เลือกแบบที่ ๒ ให้เหตุผลว่า สามารถตอบแทนบุญคุณหมอได้ในโอกาสหน้า

แบบที่ ๓ ให้คนรักในฝันขึ้นรถ ชีวิตหนึ่งที่เกิดมา ความรักเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

คนไม่เลือก...แบบนี้...ก็มีเหตุผลที่ต้องฟัง...หากเป็นผู้ชายจำพวก เจอคนป่วยไม่ตายแล้วไม่ช่วย เจอคนมีบุญคุณ มีโอกาสแล้วไม่ตอบแทน ถ้าคุณเป็นผู้หญิงที่จะรักผู้ชาย...สักคน คงไม่เลือกผู้ชายไร้น้ำจิตน้ำใจแบบนี้มาเป็นแฟน

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่า ชื่อเรื่องแบบทดสอบตลอดชีวิต เป็นเรื่องลำดับที่ ๓๕ ในหนังสือ เรื่องง่ายๆ แต่ความหมายดีๆ (สำนักพิมพ์อินสไปร์) สุริเทพ ไชยมงคล อธิบายความหมายดีๆ ไว้ว่า

ในสถานการณ์บังคับที่ถูกสมมติขึ้นนี้ เราต้องเผชิญกับทางเลือก ที่อาจถูกหรือผิดก็ได้

แต่สิ่งสำคัญมาก เรามีเหตุผลที่ฟังขึ้นแค่ไหน

คำตอบแบบที่คิดนอกกรอบและได้ช่วยเหลือทุกคนได้ซึ่งไม่ได้อยู่ในทางเลือก ๓ แบบ ที่ถูกตีกรอบ มีคำอธิบายดังนี้

ลงจากรถ ยื่นกุญแจรถให้หมอ ให้คุณหมอซึ่งไม่เพียงจะดูแลคนแก่ได้ดีกว่าใคร ขับรถไปโรงพยาบาล

ส่วนตัวเขาได้โอกาสไปยืนรอรถเมล์ เป็นเพื่อนผู้หญิงที่เขารัก...

เพิ่มโอกาสในการชนะหัวใจเธอได้ไม่น้อย

การกล้าคิดนอกกรอบ โดยมีคำอธิบาย...ที่ทุกคนที่ฟัง ต้องยอมรับได้...คุณสมบัตินี้เป็นของผู้นำ...


Tuesday, July 1, 2014

มือเท้าปาก ไข้หวัดใหญ่ และ ไข้เลือดออก 3 โรคร้ายในโรงเรียน

โรคยอดฮิตที่เป็นอันตรายมากอาจถึงตายได้ และที่สำคัญคือมักจะติดมาจากโรงเรียน โรคดังกล่วคือ มือเท้าปาก ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก มือเท้าปากหากโรงเรียนไหนมีเด็กเป็นโรคนี้ถึงขั้นต้องปิดโรงเรียนเพื่อฆ่าเชื้อกันเลยทีเดียว โรคนี้ลูกชายเคยเป็นแล้วเหมือนกัน ตอนนั้นที่เป็นบังเอิญอยู่ในช่วงปิดเทอมเลยไม่แน่ใจว่าติดมากจากที่ไหน แต่โชคดีที่รักษาได้ทันท่วงทีเลยทำให้หายได้ในเวลาที่รวดเร็ว อีกโรคที่ต้องให้ความสำคัญคือไข้หวัดใหญ่ จะมาเป็นฤดูกาลอีกเช่นกัน หากเด็กมีอาการไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดศรีษะ คุณแม่อย่านิ่งนอนใจต้องรีบไปปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดไหนนะคะ และควรหยุดเรียนเพื่อให้เชื้อแพร่ไปสู่เพื่อนคนอื่นๆ อีกโรคที่ติดได้ในทุกที่ไม่เฉพาะโรงเรียน นั่นคือ ไข้เลือดออก โรคร้ายที่ต้องคอยระวังให้ดีนะคะ บริเวณบ้านต้องคอยระวังไม่ให้มีน้ำขังเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงแพร่พันธุ์ ส่วนที่โรงเรียนหากมีใครเป็นไข้เลือดออกทางโรงเรียนก้อต้องหามาตรการกำจัดอย่างเร่งด่วน

คนเป็นแม่รักลูกดั่งชีวิต ลูกไม่สบายแม่ก้อไม่สบายไปด้วย ต้องคอยดูแลมดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม เพราะฉะนั้นดูแลสุขภาพลูกน้อยให้ดีนะคะ อย่างที่กล่าวโรคทั้ง 3 โรคเป็นโรคที่มาสามารถติดมาจากการไปโรงเรียน

มือเท้าปากมีตุ่มบริเวณลิ้น
มือเท้าปากมีตุ่มบริวเณมือ

Monday, June 30, 2014

อย่าคิดว่าตนเองดี หรือวิเศษกว่าผู้อื่นเสมอ

เหนือฟ้ายังมีฟ้า เป็นคำพูดคนจีนที่สอนเพื่อเตือนใจเราไม่ให้หยิ่งยโส รู้แล้วก้อต้องรู้อีก เรียนแล้วก้อต้องเรียนอีก ชีวิตคือการเรียนรู้ ยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่เรายังไม่รู้ 



ขอบคุณรูปจากเพจคุณวิกรมค่ะ

Tuesday, June 17, 2014

เก่ง 10 อย่างที่คนสำเร็จมี

อยากเป็นคนเก่งกันมั้ย จริงๆแล้วทุกคนเป็นคนเก่งได้ แต่คุณจะเป็นคนเก่งแบบไหน วันนี้มีเก่ง 10 อย่างที่คนสำเร็จทุกคนมี ไม่ยากเลยที่จะเป็นคนเก่งและประสบความสำเร็จ

1.เก่งในการชื่นชมผู้อื่น

2.เก่งในการหาข้อดี จุดเด่นของผู้คนได้ แม้จุดเล็กๆ ก็ยังเห็น

3.เก่งในการให้กำลังใจคนอื่น เป็นต้นแบบที่ดี

4.เก่งในการให้พลังตัวเองทุกวัน ใส่ความเชื่อมั่นลงไป

5.เก่งในการแอบชื่นชม ตนเอง และ คิดแต่เรื่องดีดี

6. เก่งที่มีอะไรทำทันที ไม่เป็นโรคเดี๋ยวก่อน

7.เก่งในการมองหาคุณค่าของทุกอย่างที่อยู่รอบตัว มองเห็นเป็นแต่เรื่องดี

8.เก่งในการมองหาข้อดีในตัวเอง ยินดีกับสิ่งที่ตนมี และเอาออกมาเป็นจุดเด่นเพื่อช่วยคนอื่นและสังคม

9.เก่งในการเห็นจุดบกพร่องของตนเอง ปรับปรุงต้วเอง คือมองหา เรื่องที่จะ Correct

10. เก่งในการขอบคุณคนให้ เป็นนิสัย เป็นที่รักใคร่ของผู้พบเห็น