ไม่แปลกที่จะดุลูกแต่เราจะมีเทคนิคในการดุลูกแบบไหนที่จะไม่ทำให้ลูกเสียใจแล้วเราเองก็ไม่เสียใจที่ดุลูกไป มีเทคนิคต่างๆที่สามารถลองไปทำกันดูได้ดังนี้
1.ควรตำหนิในสิ่งที่เขาทำ
ไม่ใช่ตำหนิตัวเขา การบอกลูกว่า “แม่ไม่ชอบที่หนูแกล้งน้อง”
กับการบอกลูกว่า “ทำไมเป็นเด็กเกเรแบบนี้” ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมาก
โดยในคำพูดแบบแรกนั้นให้ความรู้สึกว่า แม่ไม่ได้รู้สึกแย่กับลูก
แม่แค่ไม่ชอบในสิ่งที่ลูกทำ ในขณะที่ประโยคหลังนั้นในทางจิตวิทยา เรียกว่า
‘การตีตรา’ หมายความว่าคุณแม่นั้นได้สรุปไปเรียบร้อยแล้วว่าลูกเป็นเด็กเกเร
ซึ่งการพูดแบบหลังจะทำให้เด็กเกิดความท้อแท้และไม่อยากที่จะปรับปรุงตัวเอง
2.ควรบอกในสิ่งที่อยากให้เขาทำแทนสิ่งเดิมเสมอ
เช่น หากเราบอกลูกว่า “อย่าตีน้อง” เด็กๆ
หลายคนจะมีปัญหาว่าเมื่อเขาไม่พอใจน้อง
เขามักไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแทนที่การตีน้อง
และสุดท้ายเขาก็จะกลับมาตีน้องในที่สุด ดังนั้นคุณแม่ควรบอกเขาว่า
“อย่าตีน้อง ต่อไปนี้ถ้าน้องทำอะไรให้หนูไม่พอใจให้มาบอกแม่” เป็นต้น
3.ห้ามดุลูกขณะที่อารมณ์ไม่ดี
ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมาก เนื่องจากเด็กๆ
จะรู้สึกแย่กับความหงุดหงิดและความโกรธมากกว่าคำพูดของเราเสียอีก
ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดก็ควรบอกกับลูกว่า
“ตอนนี้แม่หงุดหงิดมาก เดี๋ยวแม่จะไปทำอย่างอื่นก่อน
หายโกรธแล้วแม่จะมาคุยเรื่องนี้กับหนูอีกที”
นอกจากลูกจะไม่ต้องรับอารมณ์ของเราแล้ว
เขาจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการจัดการความโกรธที่ดีจากเราอีกด้วย
สำหรับการปลอบลูกนั้นมีหลักการง่ายๆ ว่า คุณแม่เพียงแสดงความห่วงใยในความรู้สึกของเขาก็พอ เช่น “หนูเสียใจเหรอลูก” หรือ “หนูไม่ชอบที่คุณพ่อดุหนูใช่ไหม” เป็นต้น
สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ หากคุณแม่เห็นว่าคุณพ่อดุหรือทำโทษลูกรุนแรงเกินไป ก็ไม่ควรจะพูดแย้งต่อหน้าลูก แต่ควรจะไปคุยกันทีหลังเพราะอาจทำให้ลูกไม่เคารพและไม่เชื่อฟังคุณพ่อในคราวต่อๆ ไป และคุณพ่อจะได้ไม่รู้สึกเสียหน้าด้วย
ขอบคุณเทคนิคดีๆจาก momymedia โดย นพ.อัศวิน นาคพงศ์พันธุ์
No comments:
Post a Comment