Tuesday, April 20, 2010

แม่ยุคใหม่

ในบริบทของโลกยุคใหม่ สิ่งต่างๆ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว หากมองย้อนกลับไปสัก 10 ปี วิถีชีวิต การเคลื่อนไหว หรือการรับรู้เรื่องราวต่างๆ เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แทบทุกบ้านมีอินเตอร์เน็ตแทบทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ สิ่งเหล่านี้ได้เข้าไปเปลี่ยนรูปแบบชีวิต ทำอย่างไรแม่ยุคใหม่จึงจะสามารถรู้ว่าจังหวะไหนต้องทีฟ (-tive) อย่างไร

Conservative VS Creative

แม่ยุคใหม่ต้องรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องหลักๆ ที่มีคุณค่า และต้อง Conservative (อนุรักษ์หรือว่าบำรุงรักษาไว้) เช่น สายสัมพันธ์ของคนระหว่างรุ่น ความละเอียดอ่อนของการปฏิบัติต่อกัน การพูดจาของแม่-ลูก หรือสามี-ภรรยา รวมไปถึงการก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงยากๆ ทางเศรษฐกิจไปได้ แม่ก็ต้องมีมุมมองเรื่องของ Financial Conservative เพราะแม่ที่ใช้จ่ายเกินตัวไปตามกระแสบริโภคนิยม จะทำให้ไม่สามารถปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นจึงต้องรู้จักมุมมองของทาง Conservative ในเรื่องสำคัญๆ ของชีวิต


แต่ ถ้าแม่เน้นไปในทาง Conservative อย่างเดียว ไม่รู้จัก Creative ก็เหมือนกับเราขาดครึ่งหนึ่งใหญ่ๆ ของชีวิตไปได้เหมือนกัน แม่ต้องสมัยใหม่รู้ว่าอะไรเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่ส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูก เป็นผลดีต่อการพัฒนาตนเอง และแนวคิดอะไรใหม่ๆ ที่ดีต่อการใช้ชีวิตคู่ หรือต่อการคิดเป็นในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว เรื่องนี้เป็นเรื่อง Creative ที่แม่ต้องเข้าหาความรู้ความเข้าใจใหม่ๆ เอามาผสมกับส่วนที่เราต้องรักษา ทะนุถนอมหรือ Conservative ไว้

ถ้าทีฟ (-tive) ไม่เป็นจังหวะ

ถ้าแม่ยุคใหม่ทีฟไม่เป็น ก็จะไป Conservative กับเรื่องที่ควรเปิดโอกาส ให้มีการสร้างสรรค์หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ก็จะกลัวไปหมด กลัวสื่อการรับรู้ใหม่ๆ กลัวไปหมดรู้สึกไม่ปลอดภัยกับโลกก็ห้ามลูกไปหมดเหมือนกัน แบบนี้เรียกว่าเน้น Conservative มาก

บ้านที่แม่เน้น Conservative มากๆ ทุกอย่างก็จะอยู่ในระเบียบ ไม่ยอมให้ลูกเล่นอย่างมีอิสระ เปื้อนดินเปื้อนทราย ลูกต้องสะอาดของทุกอย่างต้องเข้าที่เข้าทาง ก็จะทำให้ลูกไม่แข็งแรง เพราะสุขภาพที่ดีไม่ได้เกิดจากการไม่มีเชื้อโรค ในมนุษย์เราคนหนึ่งมีเชื้อโรคอยู่ราว 20% มิใช่สะอาดหมดจด 100% ฉะนั้น การที่เด็กไปเล่นดินเล่นทราย เด็กจะสร้างวัคซีนธรรมชาติในตัวเอง เด็กสมัยใหม่จึงเป็นภูมิแพ้เยอะ เพราะแม่ Conservative ด้านสุขอนามัยแบบสุดโต่งเกินไป แม่ต้องปล่อยให้ลูกมีโอกาส Creative ที่จะเล่นเลอะเทอะบ้างบางจังหวะ

ส่วนบางบ้านที่เน้น Creative มาก ของอยู่ตรงไหนก็หาไม่เจอ ชีวิตจะสับสนอลหม่านมาก ทีฟไปในทาง Creative มากเกินไป ครอบครัวที่ Creative มากๆ ทุกคนในบ้านงงไปหมดเพราะมีเรื่องใหม่ๆ ทุกวัน ไม่ว่าจะทำอะไรคนก็สร้างสรรค์กันเกินเหตุ สร้างสรรค์จนไร้ระเบียบ การเอนไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป ก็เท่ากับว่าทีฟไม่เป็นจังหวะ

ชีวิต ต้องการทั้งสองด้าน แต่ต้องรักษาสมดุลของขั้วต่างให้ประสานสัมพันธ์กัน ไม่ใช่ว่าด้านที่เราต้องการอย่างหนึ่งแต่ไม่ต้องการอีกด้าน เพราะทั้งสองด้านมีอยู่แล้วในตัวของเรา แต่เราต้องรักษาดุลยภาพในชีวิตประจำวัน


เทคนิคทีฟ (-tive) ให้เป็น

เราจะทีฟอย่างไรให้มีจังหวะ เทคนิคที่จะทีฟให้เป็น เราต้องรู้ว่าบางเรื่องจะทีฟในจังหวะไหน เราต้องรู้จักตัวเอง รู้จักลูก รู้จักสามี หรือเพื่อนร่วมงาน แล้วจะรู้ว่าจะทีฟจังหวะไหนดี ซึ่งทักษะการทีฟที่แม่ควรมีคือ ความเข้าใจ การตื่นตัว และเรียนรู้


ชีวิตเราต้องการสมดุลทั้ง Conservative และ Creative แม่ก็ต้องรู้ว่าปริมาณของทั้งสองขั้วที่พอดีกับชีวิตเป็นอย่างไร ซึ่งเราแต่ละคนนั้นก็มีส่วนผสมนี้ไม่เท่ากันตามอัตภาพ ถ้าใครที่แม่นยำ รักษาสมดุลระหว่างสองทีฟนี้ได้ ผมเรียกว่าทีฟเป็น


การ ที่แม่ทีฟเป็นช่วยลูกได้เยอะ เพราะแม่ที่มีทักษะในการรู้จังหวะการทีฟ คือคนที่เข้าใจเรื่องกาลเทศะ เข้าใจคนอื่น และเข้าใจเรื่องภาวะอารมณ์ แม่แบบนี้จะเป็นแบบอย่างของลูก สิ่งที่แม่พูดหรือสอนไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อลูกมากเท่ากับสิ่งที่แม่เป็น การเป็นแบบอย่างของแม่ คือการสื่อสารที่มีพลังที่สุดยิ่งกว่าการสื่อสารและการสอนทุกรูปแบบ ถ้าแม่เป็นคนเรียน ลูกก็จะได้รับอิทธิพลของการเรียนรู้ด้วย


ทุก วันนี้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายหลายเรื่อง ทำให้เราสับสนต่อข้อมูล การสื่อสารที่มากเกินไป เราก็ต้องมีบ้างที่จะต้อง Conservative ด้านที่จัดระเบียบร่างกายและจิตใจให้อยู่ในภาวะที่สุขสงบ Conservative จะช่วยให้ชีวิต Creative ได้อย่างเหมาะสม

ขอบคุณ มัมมี่พีเดีย

No comments: