เด็กไทยหลาย คนกำลังมีปัญหา ขาดความอดทน อยากได้อะไรเร็ว ๆ หรือหากจะได้มาก็ต้องได้ดั่งใจ พอไม่เป็นไปตามต้องการก็ร้องไห้งอแง อาละวาด โวยวาย ส่วนหนึ่งอาจมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ทำให้เขาเห็นว่า ตัวเขาเองนั้นเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลทั้งปวง ยิ่งในครอบครัวที่มีลูกคนเดียว ล้อมรอบด้วยพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายายคอยเอาใจ ก็ยิ่งมีโอกาสให้เด็กเห็นความสำคัญของตนเองมาก่อนคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งคิดไปได้ว่า "เวลาของคนอื่นมีค่าน้อยกว่าเวลาของเรา" ได้
มาตรการด้านความอดทน จึงควรนำมาใช้ เพื่อฝึกให้เขาเหล่านี้โตขึ้นอย่างมีวินัย และรู้จักการ "อดทนรอ" ค่ะ โดยเริ่มจาก
1. ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
หากคุณเป็นพ่อแม่ประเภทที่ใจร้อน ต้องการความรวดเร็วในการทำสิ่งต่าง ๆ ก็อาจต้องบังคับตัวเองให้เป็นคนใจเย็น และอดทนมากขึ้น เพราะลูกจะเรียนรู้โดยดูจากพ่อแม่เป็นต้นแบบ การพาลูกไปซื้อของก็เป็นการฝึกให้เด็กเห็นถึงต้นแบบการอดทนที่ดี เพราะ เด็กจะได้เห็นว่า พ่อแม่ของเขาต้องต่อคิวซื้อสินค้า ต่อคิวจ่ายเงิน เหมือนคนอื่น ๆ ทุกคนในร้านก็ต่อคิวซื้อกันหมด ไม่มีใครแซงกัน ที่สำคัญไม่ต้องเครียดเพราะความเร่งรีบด้วย
2. ตั้งเป้าหมายในการได้มา
เหมาะสำหรับใช้ในกรณีที่มี "ของ" หรือ "บางสิ่งบางอย่าง" ที่ลูกต้องการ (ถ้ายิ่งต้องการมาก ๆ การตั้งเป้าหมายก็ยิ่งง่ายขึ้น) ในกรณีนี้พ่อแม่เพียงตั้งเป้าหมายให้ลูกทำให้บรรลุผล เช่น ทำตารางการอ่านหนังสือขึ้นมา หนังสือแต่ละเล่มก็เหมือนไอเท็มเกม 1 ชิ้น เด็กอ่านหนังสือจบ 1 เล่มก็เก็บไอเท็มได้ 1 ชิ้น ทำจนครบ แล้วจึงจะได้ของขวัญที่ต้องการ หรือจะทำตารางการช่วยงานบ้าน เช่น ล้างจาน พับผ้า ทิ้งขยะ ถูบ้าน ฯลฯ ให้ลูกได้ฝึกงานบ้าน พร้อม ๆ กับการฝึกอดทนก็ได้เช่นกัน
3. บอกช่วงเวลาการรอคอยที่ชัดเจน
การฝึกให้เด็กอดทนรอ อาจต้องเลือกใช้คำที่เหมาะสม การที่ลูกมาร้องขอบางสิ่งบางอย่างใกล้ๆ แม่ ตอนที่แม่กำลังยุ่งกับงานในบ้าน หรืองานในครัว คุณแม่หลายท่าน (ที่ยังอารมณ์ดี) อาจบอกว่า "รออีกแป๊บนึง" แต่ก็จะพบว่า อีกไม่นาน เด็ก ๆ ก็จะกลับมาใหม่พร้อมคำถามเดิม ๆ เพราะความอดทนของเขามันก็จะเกิดเพราะคำว่า "แป๊บนึง" เหมือนที่แม่บอก จนบางทีทำให้พ่อแม่หลายท่านเริ่มอารมณ์เสียที่ลูกมาถามบ่อยเกินไป ทางแก้ก็คือ กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมไปเสียเลย เช่น "รอให้แม่เตรียมข้าวเย็นเสร็จก่อนนะ" หรือ "ให้แม่กวาดบ้านเสร็จก่อน"
4. พ่อแม่ก็ต้องทำตามเงื่อนไขด้วย
คงไม่ใช่ครอบครัวชินจัง ที่มีแม่มิซาเอะตั้งกฎมากมายกำหราบลูกจอมซนเพียงฝ่ายเดียว แต่พ่อแม่เองก็ต้องยอมรับและร่วมปฏิบัติตามกฎที่ตนตั้งเอาไว้ด้วย ผู้เขียนเคยพบพ่อแม่ลูกสามคนที่ชายทะเลแห่งหนึ่ง พ่อแม่สัญญากับลูกว่าต้องทานข้าวให้หมดก่อนแล้วจะพาไปเล่นน้ำทะเล แต่ปรากฏว่า พอทานข้าวกลางวันเสร็จ พ่อแม่ก็เลือกที่จะนอนเอนหลังสบายบนเก้าอี้ผ้าใบ ส่วนลูกชายก็งอแงไม่ได้เล่นน้ำทะเลอย่างที่ต้องการ เพราะพ่อกับแม่ที่บอกว่าจะพาเขาไปเล่นน้ำ ก็นอนหลับไปเสียแล้ว สุดท้ายเขาก็เลยต้องเล่นคนเดียวอย่างเหงา ๆ (แต่อีกใจหนึ่งผู้เขียนก็เข้าใจ เพราะทานข้าวกลางวันเสร็จพึ่งจะบ่ายโมง แดดทะเลร้อนขนาดไหน ท่านผู้อ่านคงนึกภาพออกค่ะ แต่บังเอิญว่า เขาไม่มีการทำความเข้าใจกับลูก ๆ ก่อนเท่านั้นเอง)
ดัง นั้น ก่อนที่พ่อแม่จะเอ่ยปากสัญญากับลูก ก็ขอให้แน่ใจเสียก่อนว่า สามารถทำตามที่เอ่ยปากเอาไว้ได้จริง ๆ เพราะมันจะทำให้ลูก ๆ อดทนรออย่างเข้าใจ ว่าอีกไม่นานเขาก็จะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
5. มีรางวัลรออยู่สำหรับเด็กอดทนรอ
หากคุณเอ่ยปากชวนลูก ๆ ให้ร่วมเดินทางไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า พร้อมตั้งเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นเด็กดี ไม่งอแง หรือวิ่งเล่นหายไปให้พ่อแม่เป็นห่วง และเด็ก ๆ ก็สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดรอดฝั่ง จนกระทั่งทุกคนในครอบครัวเดินกลับจากห้างสรรพสินค้าพร้อมกันอย่างมีความสุข ก็ไม่ผิดนักหากคุณจะมีของขวัญพิเศษให้กับลูกสำหรับความพยายามอดทนครั้งสำคัญ นี้ เพราะมันจะทำให้พวกเขาได้ตื่นเต้นกันอีกรอบ (เป็นที่ทราบกันดีว่า ห้างสรรพสินค้ามีสิ่งยั่วใจเด็ก ๆ มากแค่ไหน โดยเฉพาะแผนกของเล่น) อีกทั้งยังทำให้เด็ก ๆ รู้สึกดีกับการอดทนรอ และพร้อมจะทำมันต่อไปในอนาคตด้วย
ก่อนจากกัน ผู้เขียนมีประสบการณ์หนึ่งเกี่ยวกับการอดทนรอคอยมาขอแบ่งปันกับท่านผู้อ่าน นั่นก็คือ ผู้เขียนมีโอกาสไปทานก๋วยเตี๋ยวร้านอร่อยเจ้าหนึ่ง ความที่เป็นเจ้าอร่อย จึงทำให้ร้านแห่งนี้ในตอนกลางวันคลาคล่ำไปด้วยลูกค้ามากมาย จนเป็นที่ทราบกันดีว่า ถ้าจะมาทานอาจต้องเตรียมใจ-ท้องไว้สักนิดสำหรับการรอคอย
ระหว่างที่ผู้เขียนและลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ กำลังรอคอยก๋วยเตี๋ยวกันอย่างใจจดใจจ่อนั้น ก็ได้มีลูกค้าใหม่ 3 รายที่มีลักษณะเป็นผู้ใหญ่เข้ามาร่วมวงรอคอยด้วย แต่ดูเหมือนว่าความอดทนจะมีขีดจำกัด เมื่อผู้ใหญ่รายหนึ่งที่เป็นผู้หญิงตัดสินใจว่าคงรอไม่ไหวแล้ว เธอจึงเดินไปหาเจ้าของร้านเพื่อขอให้ช่วย "ลัดคิว" ทำอาหารของโต๊ะเธอก่อนคนอื่น ๆ
เธอ กลับมาที่โต๊ะพร้อมกับบอกสมาชิกในโต๊ะว่า เพราะ "สายสัมพันธ์" จึงทำให้เธอได้มีโอกาส "แซงคิว" โต๊ะอื่น ๆ และผู้เขียนก็ได้เห็นว่า ลูกค้าทั้ง 3 ท่านนี้ ทานอาหารที่ได้มาจากการ "ลัดคิว" ด้วยความภาคภูมิใจ
จาก เรื่องที่ได้ประสบกับตัวเองนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า บางครั้งหากต้องการสร้างสังคมใหม่ที่ดีขึ้นกว่าในอดีต เรื่องของการ "อดทน" คงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่คนไทยต้องฝึก ไม่ใช่เฉพาะแค่ฝึกในครอบครัว พ่อแม่ลูกเท่านั้น แต่บางทีคงต้องจับผู้ใหญ่มาฝึกกันใหม่เลยทีเดียว
thank you Manager online
No comments:
Post a Comment